สิงคโปร์, 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 – แกร็บ (Grab) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉลองครบรอบ 5 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมเผยรายงานความสำเร็จ ‘Moving SEA Forward’ ประกาศการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงผลบวกจากการมอบบริการที่ยกระดับวิถีชีวิตของผู้คนทั่วภูมิภาค โดยผู้ขับขี่ในเครือข่ายของแกร็บกว่า 930,000 คนมีรายได้สูงกว่ารายได้แรงงานเฉลี่ยถึง 1 ส่วน 3  นอกจากนี้ แกร็บ ยังช่วยให้ผู้โดยสารสามารถประหยัดเวลาเดินทางลงไปได้ครึ่งหนึ่งจากบริการทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น 

ปัจจุบัน แกร็บ มอบความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารมาแล้วถึง 2.5 ล้านเที่ยวต่อวันด้วยบริการที่ครอบคลุม 55 เมืองทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถือเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในหมู่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั่วทั้งภูมิภาค โดยมียอดดาวน์โหลดแอพฯ มากกว่า 45 ล้านดาวน์โหลด ก้าวกระโดดจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว

แกร็บ พัฒนาแพล็ตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการรับบริการที่มีส่วนสำคัญมากที่สุดในการดำเนินชีวิตประจำวัน อย่างการเดินทางและการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยแกร็บเพย์ (GrabPay) ซึ่งเป็นโซลูชั่นเพื่อการชำระเงินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของแกร็บมีอัตราเติบโตสูงมาก ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ใช้งาน   แกร็บเพย์จะเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวทุกไตรมาสไปจนถึงสิ้นปีนี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนบริการเสริมอย่าง แกร็บเพย์ เครดิต (GrabPay Credits) ก็มีอัตราเติบโตสูงถึง 80% ต่อเดือนนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2016 สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในระบบชำระเงินของแกร็บเป็นอย่างมาก

นายแอนโทนี ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า “เมื่อธุรกิจของแกร็บเติบโตขึ้น เราก็ก้าวเข้าไปช่วยแก้ปัญหาในระดับที่ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน แกร็บถือเป็นผู้ช่วยสำคัญในการแก้ไขปัญหาหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาด้านอาชีพ รวมไปถึงความเชื่อมั่นและการเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัล โดยปัญหาเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของภูมิภาค โดยแกร็บตั้งใจจะลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจังและสิ่งเดียวที่จะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในระยะยาวต่อภูมิภาคก็คือการใส่ใจส่งมอบบริการที่สำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ทั้งเรื่องเครือข่ายบริการเดินทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการเข้าถึงการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่กว้างขวางยิ่งขึ้น”

“รายงาน Moving SEA Together’ มีความหมายกับผมและโฮย หลิง ตัน ผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บอย่างมากเพราะรายงานฉบับนี้ช่วยยืนยันว่าธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นและเติบโตจากภูมิภาคนี้สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลกใบนี้ได้หากเรามุ่งมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้องในการตัดสินใจแต่ละครั้ง ที่ผ่านมา เราเน้นค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่นที่ดีที่สุดและวิธีที่จะช่วยผู้คนหรือชุมชนให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด และเราก็โชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ทั้งพนักงานชาวแกร็บ ผู้ขับขี่ ตัวแทน ลูกค้า ตลอดจนนักลงทุนที่ศรัทธาในเราและคอยสนับสนุนให้เรากล้ามุ่งไปสู่เป้าหมายที่ ท้าทายยิ่งขึ้น คุณอาจจะหาว่าเราบ้า แต่แกร็บคงจะเป็นสถานที่สำหรับคนที่เชื่อว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำจะสามารถยกระดับวิถีชีวิตผู้คนผ่านเทคโนโลยีได้”

นอกเหนือจากการฉลองครบรอบ 5 ปีแล้ว แกร็บยังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่แก่ให้แก่ธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสนี้ แกร็บประกาศเปิดตัว แกร็บนาว (GrabNow) บริการใหม่ที่จะมาเปลี่ยนการ   เรียกรถจากท้องถนนสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น โดย แกร็บ เตรียมเปิดตัวบริการนี้ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียเป็นที่แรก โดยผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการแกร็บไบค์ (GrabBike) จากท้องถนนได้ทันทีและชำระค่าโดยสารผ่านแอพฯ แกร็บ บริการแกร็บนาวจะให้ประโยชน์ต่อผู้โดยสารใน 2 รูปแบบ ทั้งจากการโบกเรียกรถได้ทันทีตามวิถีดั้งเดิม และการได้รับบริการที่มีคุณภาพจากแพล็ตฟอร์มของแกร็บที่มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยที่เยี่ยมที่สุด ค่าโดยสารที่ได้รับการกำหนดอย่างชัดเจนโปร่งใส และคะแนนสะสมแกร็บรีวอร์ดส (GrabRewards) ที่สำคัญ แกร็บยังพัฒนาระบบเทเลเมติกส์ (Telematics) เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่และฟีเจอร์แกร็บแชท (GrabChat) บริการส่งข้อความระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับขี่ในตัวแอพฯ ซึ่ง แกร็บ ถือเป็นผู้ให้บริการฟีเจอร์นี้รายแรกในอุตสาหกรรมแอพฯ เรียกรถ เพื่อยกระดับการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น

5 ปีของการขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปข้างหน้า

รายงาน ‘Moving SEA Forward’  เผยให้เห็นว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แกร็บช่วยแก้ปัญหาท้องถิ่นและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างไรบ้าง

1. ทำให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสาร

ผู้โดยสารของแกร็บสามารถประหยัดเวลาเดินทางไปได้โดยเฉลี่ยถึง 52% เมื่อเทียบกับการเดินทางผ่านขนส่งสาธารณะอื่นๆ ในพื้นที่ โดยผู้โดยสารในฟิลิปปินส์สามารถประหยัดเวลาเดินทางได้มากที่สุดถึง 70% ตามมาด้วยผู้โดยสารในอินโดนีเซีย 64% แม้ว่าเมืองหลวงของทั้งสองประเทศนี้จะเจริญ แต่กลับมีสภาพการจราจรที่ติดขัดเป็นอย่างมาก บริการของแกร็บโดยเฉพาะบริการล่าสุดอย่าง แกร็บนาว ช่วยย่นระยะเวลาเดินทางของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้แล้ว แกร็บทำให้การเดินทางของผู้โดยสารหลายล้านคนปลอดภัยมากยิ่งขึ้นผ่านการยกระดับความปลอดภัยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้อัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของรถในเครือข่ายของแกร็บจึงต่ำกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากยานพาหนะทั่วไปถึง 5 เท่า และต่ำกว่า 6 เท่าในเวียดนามและมาเลเซีย ความมุ่งมั่นที่จะทำให้การเดินทางทั้งปลอดภัยและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้โดยสารในเมืองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแกร็บสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ยอดดาวน์โหลดแอพฯ ของแกร็บจึงเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 360% ต่อปีรับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา

2. เพิ่มศักยภาพในการหารายได้ของผู้ขับขี่

ผู้ขับขี่พันธมิตรของแกร็บ มีรายได้ต่อชั่วโมงสูงกว่าค่าจ้างแรงงานทั่วไปโดยเฉลี่ยราว 1 ใน 3 (32%) ในทุกประเทศที่มีบริการของแกร็บ โดยผู้ขับขี่ของแกร็บที่มีรายได้เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือผู้ขับขี่ในเวียดนาม (สูงกว่าค่าแรงทั่วไป 55%) มาเลเซีย (48%) และฟิลิปปินส์ (35%) แม้ว่า 70% ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตพื้นฐานได้[1] แต่แกร็บได้ผนวกระบบการเงินไว้ในแอพฯ อย่างสะดวกปูทางให้ผู้ขับขี่ในเครือข่ายแกร็บได้สัมผัสกับความสามารถของอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกและลดช่องว่างทางดิจิทัลของผู้คนในสังคม ยิ่งไปกว่านั้น แกร็บยังช่วยเปิดบัญชีธนาคารให้กับผู้ขับขี่ราว 2 ใน 3 หรือประมาณ 640,000 คน นับเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้รับบริการของธนาคารและบริการทางการเงินอื่นๆ เป็นครั้งแรก

ปัจจุบันผู้ขับขี่กว่า 930,000 คนหารายได้ผ่านแกร็บเพื่อดูแลครอบครัว ซึ่งมีจำนวนผู้ขับขี่ในเครือข่ายสูงขึ้นราว 340% ทุกปีนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2013 โดยมีอัตราเติบโตสูงสุดที่ประเทศอินโดนีเซีย คือประมาณ 574% ต่อปีเลยทีเดียว

3. เครือข่ายบริการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อดีขึ้นกว่าที่เคยมีมา

แกร็บเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการด้านการขนส่งในรูปแบบใหม่ๆ ที่เน้นให้ผู้โดยสารเดินทางด้วยกันเป็นกลุ่ม อาทิ บริการในรูปแบบใช้รถร่วมกัน (carpooling) ที่หลากหลายเพื่อลดค่าโดยสารสำหรับการเดินทางแบบรวดเดียวถึงจุดหมายปลายทาง โดยบริการเหล่านี้ถือเป็นทางเลือกที่จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษในเมืองใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  บริการเหล่านี้ได้แก่ “แกร็บแชร์ (GrabShare)” และ “แกร็บฮิทช์ (GrabHitch)” โดยแกร็บยังได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ไปแล้วเกือบ 3.2 ล้านกิโลกรัมต่อปีเพราะการพัฒนาระบบจัดบริการใช้รถร่วมกันและการพัฒนาประสิทธิภาพการจองใช้งานรถสู่ระดับสูงสุด ปริมาณก๊าซดังกล่าวเทียบได้กับปริมาณที่จะเกิดจากการเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือเรียนของเด็กจำนวน 9,268 คนตลอด 24 ชั่วโมงทั้งปีเลยทีเดียว

โปรดดูเอกสารแนบท้ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือรายละเอียดแยกย่อยรายประเทศ

แก้ปัญหาท้องถิ่นของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

“ธุรกิจของแกร็บวิวัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้ง เราไม่เพียงสร้างนิยามใหม่ของบริการเรียกรถเท่านั้น แต่ยังพัฒนาแพล็ตฟอร์มเพื่อให้บริการที่สำคัญต่อชีวิตประจำวันอันได้แก่การเดินทางขนส่งและการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เราจะเดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นให้แก่ผู้ขับขี่ ตัวแทนและลูกค้าของเราเป็นอันดับแรก ทุกวันนี้ เราเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะ 1) เราเหนือกว่าด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านรูปแบบการทำธุรกิจ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ปรับปรุงบริการที่มีอยู่แล้วในสังคม ตลอดจนทำงานร่วมกับภาครัฐเพื่อหาทางบริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น 2) เราเหนือกว่าด้านการลงมือทำจริง เรามีทีมงานที่รักในการทำงานอยู่ในทุกประเทศที่เราเปิดให้บริการและทีมงานเหล่านี้รู้ปัญหาในท้องถิ่นอย่างถ่องแท้” นายแอนโธนี่ ตัน เสริม

แกร็บเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ผ่านระบบส่งข้อมูลทางไกลหรือเทเลเมติกส์ (Telematics)

ระบบส่งข้อมูลทางไกล (Telematics) ของแกร็บเปิดตัวครั้งแรกเพื่อลดปัญหาการขับขี่ด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยระบบนี้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่และระบุได้ว่าผู้ขับขี่รายใดขับรถเร็วเกินไป พร้อมทั้งจะส่งคำเตือนไปถึงผู้ขับขี่ดังกล่าวด้วย ผลปรากฏว่าหลังจากได้รับคำเตือน กรณีขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงถึง 35%

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระบบของแกร็บจะตรวจสอบความเร็วในการขับขี่ รวมไปถึงพฤติกรรมการขับขี่อื่นๆ อาทิ การเหยียบเบรกกะทันหัน การเร่งความเร็วแบบกะทันหัน และการขับปาดแบบอันตรายอีกด้วย ระบบเทเลเมติกส์ของแกร็บมีระบบวิเคราะห์ คาดการณ์และการเรียนรู้ จึงสามารถบ่งชี้ได้ว่าพฤติกรรมการขับขี่แบบใดที่ถือว่าอันตรายและจะส่งรายงานคะแนนการขับขี่ปลอดภัยให้ผู้ขับขี่เป็นประจำทุกสัปดาห์ ปัจจุบัน โปรแกรมอัพเดทล่าสุดได้เริ่มใช้งานในสิงคโปร์แล้วและแกร็บจะเตรียมนำระบบนี้ไปใช้ในประเทศอื่นๆ ด้วย

แกร็บพัฒนาฟีเจอร์แกร็บแชทเพื่อการสื่อสารในแอพฯ แบบสุดล้ำ

“แกร็บแชท (GrabChat)” ในแอพฯ ของแกร็บได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะคนในภูมิภาคชอบและใช้การสื่อสารรูปแบบนี้กันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบัน ผู้โดยสารและผู้ขับขี่สื่อสารกันผ่านช่องทางนี้แล้วกว่า 100 ล้านครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวแกร็บแชทเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 แกร็บแชทถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างอันเป็นรูปธรรมของปรัชญาของแกร็บในการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไม่ว่าจะดูเหมือนเป็นโซลูชั่นที่ง่ายแค่ไหนก็ตาม แกร็บพบว่าผู้โดยสาร 8 ใน 10 ยกเลิกการจองรถน้อยลงเมื่อใช้แกร็บแชทเพราะฟีเจอร์นี้เปิดทางให้พวกเขาสื่อสารกับคนขับได้อย่างสะดวกผ่านข้อความอัตโนมัติสำหรับคำที่ใช่บ่อย อาทิ “ฉันอยู่ที่นี่” หรือ “โอเค กำลังมาแล้ว”

ยิ่งไปกว่านั้น แกร็บยังอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยการจัดทำข้อความแปลอัตโนมัติไว้ให้ด้วยถึง 5 ภาษา (อังกฤษ จีน ไทย บาฮาซาอินโดนีเซีย และเวียดนาม) โดยบริการนี้จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ 80% ของข้อความในแกร็บแชทเป็นข้อความอัตโนมัติที่ให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ซึ่งปลอดภัยมากสำหรับคนขับเพราะสามารถสื่อสารได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว

[1] Google and Temasek (2016), E–conomy SEA: Unlocking the $200 billion digital opportunity in Southeast Asia.