ในยุคโควิดแบบนี้คงปฏิเสธไม่ได้เรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งค่อนข้างสวนทางกับรายได้สะส่วนใหญ่ ทำให้ใครหลาย ๆ คนหันมามองหาอาชีพและรายได้เสริมหลังเลิกงานที่จะช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น แต่จะมีอาชีพไหนที่น่าสนใจ และเหมาะกับช่วงโควิดแบบนี้บ้าง เราจะมาดูกัน
ทุกคนคงทราบกันดีว่า การใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือการออกไปทานอาหารนอกบ้านนั้น ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ในทั้งเรื่องของเวลา ความสะดวก และความปลอดภัยในช่วงโควิดแบบนี้ ซึ่งการตัดสินใจเรียกใช้บริการรถรับส่ง หรือส่งอาหารมาที่บ้านย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่งผลให้ในปัจจุบันผู้ใช้บริการ GrabCar หรือ GrabFood มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ “ไดร์เวอร์” หรือ “ไรเดอร์” กลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่ใครหลาย ๆ คนหันมาสนใจ ไม่ว่าจะทั้งพนักงานบริษัท คนขับแท็กซี่ หรือคนว่างงานเป็นต้น แต่ก่อนจะมาสมัครขับแกร็บรายได้จะเป็นอย่างไร คุ้มจริงหรือเปล่า ในหนึ่งวัน หรือหนึ่งเดือน ได้เงินประมาณเท่าไหร่ วันนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อข้องใจกัน
Highlight
- รายได้จากการเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บ ทั้ง GrabCar GrabCar Premium และ GrabSUV
- พี่พงษ์ พาร์ทเนอร์ GrabCar Premium (ฟูลไทม์)
- พี่ฟีม พาร์ทเนอร์ GrabCar (พาร์ตไทม์)
- รายได้จากการเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บ ทั้ง GrabBike GrabFood GrabExpress และ GrabMart
- พี่ธนพันธ์ GrabBike (ฟูลไทม์)
- พี่โอ๊ต GrabBike (พาร์ทไทม์)
- พี่ธีรกิต GrabBike (ฟูลไทม์)
รายได้จากการเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บ ทั้ง GrabCar GrabCar Premium และ GrabSUV
การขับแกร็บคาร์รายได้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 180 บาทต่อรอบ แต่ถ้าในหนึ่งวันพาร์ทเนอร์สามารถรับงานได้ 10 งาน จะสามารถหารายได้จากการรับผู้โดยสารได้ถึง 1,800 บาทเลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว ผู้ขับที่ค่อนข้างชำนาญจะรับงานได้ไม่ต่ำว่า 12 งานต่อวัน ทำให้พาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่สามารถหารายได้ได้อย่างต่ำวันละ 2,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากการรับผู้โดยสารแล้ว ทางแกร็บจะมี อินเซนทีฟ และโบนัสต่างๆ เพิ่มให้ในแต่ละวันอีกด้วย
หรือหากใครที่สนใจเป็นคนขับพาร์ตไทม์เท่านั้น แนะนำให้รับงานเพียงวันละ 4-5 รอบ จะช่วยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นวันละ 500 บาทเลยทีเดียว แต่สำหรับใครที่พอมีเวลา และสามารถขับแกร็บได้เฉลี่ยอยู่ที่ 20 วันต่อเดือน จะสามารถมีรายได้เสริมเพิ่มมาอีกถึงเดือนละ 10,000 บาทเลย
รีวิวจากผู้ขับจริง

พี่พงษ์ พาร์ทเนอร์ GrabCar Premium (ฟูลไทม์)
ก่อนหน้านี้พี่พงษ์ได้ทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อน แต่รายได้ลดลงพอสมควรในช่วงโควิด เลยตัดสินใจผันมาขับ GrabCar Premium แบบเต็มเวลา ซึ่งพี่พงษ์ขับมาได้ประมาณ 3-4 ปี โดยใช้รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด และเติมน้ำมันสลับกับแก๊ส ซึ่งหลังจากขับแกร็บคาร์ รายได้ที่สามารถสร้างรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายได้ถึง 2,000 – 3,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว
พี่พงษ์ยังได้แชร์เคล็ดลับอีกด้วยว่าปกติจะเริ่มขับตั้งแต่ 9 โมง โดยเริ่มเปิดแอปจากด้านนอกก่อน รอให้มีลูกค้าเรียกเข้ามาในตัวเมือง ยิ่งถ้าเป็นในโซนสุขุมวิท สีลม เอกมัย หรือทองหล่อ ผู้โดยสารจะค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ความต้องการรถยนต์ค่อนข้างสูง และช่วงนี้เปิดประเทศแล้ว ทำให้กลุ่มลูกค้าขยายขึ้น มีทั้งนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติก็หันมาเรียกใช้บริการแกร็บกันมากขึ้น ส่วนช่วงเวลาที่พี่พงษ์แนะนำจะเป็นช่วงเร่งด่วนตั้งแต่ 6 โมง จนถึง 10 โมงเช้า จะมีผู้โดยสารเรียกรถอยู่เรื่อย ๆ สำหรับพี่พงษ์จะกลับบ้านตอน 3-4 ทุ่ม ถ้าคำนวณคร่าว ๆ จะตก 7 ชั่วโมงต่อวัน สามารถพักขับตอนไหนก็ได้ เนื่องจากเป็นงานอิสระ ไม่มีชั่วโมงงานกำหนดตายตัว
นอกจากนี้พี่พงษ์ยังแนะนำให้ศึกษาเส้นทางในแต่ละพื้นที่ให้ดีก่อน หรือบางครั้งอาจจะขอคำแนะนำเส้นทางลัดจากผู้โดยสารในช่วงรถติดก็สามารถทำได้
พี่ฟีม พาร์ทเนอร์ GrabCar (พาร์ตไทม์)
พี่ฟีมเริ่มขับแกร็บคาร์จริงจังมาประมาณ 2-3 ปี โดยใช้รถยนต์โตโยต้า ยาริส แบบติดแก๊ส พี่ฟีมจะวิ่งตั้งแต่ตี 1 จนถึงช่วงเช้า คำนวณคร่าว ๆ ตกประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งหลังจากขับแกร็บคาร์ รายได้ที่สามารถทำได้ถึง 10,000 กว่าบาทต่อสัปดาห์เลยทีเดียว
เคล็ดลับของพี่ฟีมคือการวิ่งตามสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเวลาตี 3 ตี 4 อย่างเช่นสุขุมวิทเป็นต้น หรือจะขับรถไปรอแถวโซนที่มีคอนโดเยอะ ๆ จะมีผู้โดยสารเรียกไปสนามบินอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งราคาแต่ละรอบจะค่อนข้างดีเลยทีเดียว หลังจากส่งที่สนามบินพี่ฟีมยังแนะนำให้ไปแถวที่มีหมู่บ้านจัดสรรเยอะ ๆ รอให้ผู้โดยสารเรียกเข้าตัวเมือง จะได้ไม่ต้องตีรถเปล่าก่อนกลับบ้าน
รายได้จากการเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บ ทั้ง GrabBike GrabFood GrabExpress และ GrabMart
รายได้การขับแกร็บไบค์ในหนึ่งรอบ ได้ค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาท ซึ่งถ้าในหนึ่งวันพาร์ทเนอร์รับงาน 20 งาน จะสามารถมีรายได้ได้ 1,000 บาท แต่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่รับงานถึง 30 – 40 รอบต่อวัน ทำให้ในหนึ่งวันรายได้ GrabBike สามารถสูงได้ถึง 2,000 เลยทีเดียว โดยยังไม่รวมกับอินเซนทีฟ หรือโบนัสต่าง ๆ ที่ทางแกร็บเพิ่มให้
รีวิวจากผู้ขับจริง

พี่ธนพันธ์ GrabBike (ฟูลไทม์)
ก่อนหน้านี้พี่ธนพันธ์ขับวินมอเตอร์ไซค์ และรับส่งแมสเซนเจอร์มาก่อน แต่พอได้มาลองขับแกร็บแล้ว จึงออกจากงานส่งของมารับงานขับแกร็บแบบเต็มตัว เพราะสามารถสร้างรายได้เพิ่มกว่าเดิมถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว
พี่โอ๊ต GrabBike (พาร์ทไทม์)
พี่โอ๊ตเป็นนักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริมขณะเรียนไปด้วย จึงตัดสินใจลองมาขับแกร็บดู ปรากฏว่าขับ Grab รายได้ได้ดีพอสมควร เลยขับมาตลอดจนครบ 3 ปีแล้ว
พี่ธีรกิต GrabBike (ฟูลไทม์)
พี่ธีรกิตเคยขับรถส่งของมาก่อน และได้ลองมาขับแกร็บไบค์เป็นพาร์ทไทม์ในตอนแรก แต่ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากเดิม พี่ธีรกิตเลยตัดสินใจออกจากงานประจำที่ทำอยู่ และมาขับแกร็บแบบเต็มตัว ซึ่งจากปกติสามารถหารายได้ 2 หมื่นต่อเดือน แต่ในปัจจุบันสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นต่อเดือนเลย
สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่า ขับแกร็บรายได้จะดีจริงไหม รายได้แกร็บจะสามารถเลี้ยงชีพได้หรือเปล่า ต้องบอกเลยว่าทำได้อย่างแน่นอน เพียงทำตามขั้นตอนเคล็ดลับที่พี่ ๆ พาร์ทเนอร์คนขับได้แชร์ไว้ด้านบน หากใครสนใจสมัครแกร็บ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือจะสมัครขับ Grab คลิกเลยที่นี่
คำถามที่พบบ่อย
Q: ขับ GrabCar รายได้เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่เท่าไหร่?
A: รายได้ของคนขับ GrabCar แตกต่างกันตามพื้นที่และจำนวนชั่วโมงที่ขับ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800 – 2,000 บาทต่อวัน หากขับเต็มเวลา (8–10 ชั่วโมง) ในพื้นที่ตัวเมืองหรือแหล่งคนหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ รายได้รวมโบนัสและทิปอาจสูงถึง 25,000 – 40,000 บาทต่อเดือน
Q: รายได้จากการขับ GrabCar มาจากอะไรบ้าง?
A: รายได้หลักของคนขับ GrabCar มาจาก 3 ส่วน ได้แก่
- ค่าโดยสารจากผู้โดยสาร
- โบนัสหรืออินเซนทีฟจาก Grab (เช่น ขับครบรอบหรือช่วงเวลาเร่งด่วน)
- ทิปจากผู้โดยสาร ที่สามารถจ่ายผ่านแอปได้โดยตรง
Q: ขับ GrabCar ต้องหักค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
A: ค่าใช้จ่ายหลักที่คนขับต้องรับผิดชอบมีดังนี้
- ค่าน้ำมันหรือค่าไฟ (สำหรับรถ EV)
- ค่าบำรุงรักษารถ เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ยาง หรือเบรก
- ค่าหักเปอร์เซ็นต์ให้ Grab (ประมาณ 20% ต่อเที่ยว)
- ค่าโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และภาษีที่เกี่ยวข้อง
Q: ถ้าไม่มีรถเป็นของตัวเอง สามารถขับ GrabCar ได้ไหม?
A: ได้แน่นอน! Grab มีโครงการ เช่ารถเพื่อขับ Grab ผู้สมัครเพียงมีใบขับขี่สาธารณะและคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ ก็สามารถเช่ารถขับได้โดยไม่ต้องซื้อรถเอง
Q: อยากมีรายได้เสริมจากการขับ GrabCar ควรเริ่มอย่างไร?
A: สามารถสมัครผ่านแอป GrabDriver ได้โดยตรง เพียงกรอกข้อมูลส่วนตัว อัปโหลดเอกสาร เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่สาธารณะ และเอกสารรถ เมื่อตรวจสอบผ่านแล้วสามารถเริ่มขับได้ทันที แนะนำให้ขับช่วงเช้าและเย็น (ช่วงเร่งด่วน) เพื่อเพิ่มรายได้สูงสุดในแต่ละวัน