ใบขับขี่หายต้องทำยังไง ต้องแจ้งความไหม ฉบับอัปเดต 2568

เมื่ออยู่ ๆ ใบขับขี่หาย หลายคนมักเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า “ควรทำอย่างไรดี?” หรือ “ต้องไปแจ้งความหรือเปล่า?” บทความนี้จะพาคุณไปไขข้อสงสัยทุกประเด็น ตั้งแต่ข้อควรทำเมื่อใบขับขี่หาย ขั้นตอนการขอใบใหม่ รวมถึงกรณีที่ต้องแจ้งความหรือไม่ เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ขั้นตอน และปฏิบัติได้อย่างถูกต้องในทันที

Highlight

 

ใบขับขี่หายต้องแจ้งความไหม

ใบขับขี่หายต้องแจ้งความหรือไม่?

ใบขับขี่หายต้องแจ้งความไหม? หากใบขับขี่หาย สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ ประเภทของใบขับขี่ เนื่องจากกฎระเบียบ และขั้นตอนการดำเนินการมีความแตกต่างกัน

  1. ใบขับขี่รถส่วนบุคคล

    • ไม่จำเป็นต้องแจ้งความ เมื่อใบขับขี่หาย สามารถไปติดต่อขอทำใบขับขี่ใหม่ที่กรมขนส่งทางบกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล โดยสามารถจองคิวทำใบขับขี่ผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
    • ควรดำเนินการขอใบขับขี่ใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะหากถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจแล้วไม่มีใบขับขี่ อาจถูกปรับหรือมีโทษตามกฎหมาย
  2. ใบขับขี่รถสาธารณะ

    • จำเป็นต้องแจ้งความ ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่ใบขับขี่สูญหาย เพื่อขอรับใบแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
    • หลังจากได้ใบแจ้งความแล้ว ให้นำไปยื่นคำร้องขอทำใบขับขี่ใหม่ที่กรมขนส่งทางบก พร้อมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากใบขับขี่สาธารณะมีการใช้ในเชิงธุรกิจ และความปลอดภัยสาธารณะ หากหายต้องมีการบันทึก และยืนยันหลักฐานอย่างเป็นทางการ

 

ใบขับขี่หายต้องทำอย่างไรบ้าง? รวมขั้นตอนที่ควรรู้

ใบขับขี่หายต้องทำยังไง? หากทำใบขับขี่หาย ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะกระบวนการขอใบขับขี่ใหม่ในปัจจุบันสะดวก และรวดเร็วมากขึ้น สามารถจองคิวออนไลน์ล่วงหน้าได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ มาดูขั้นตอนทั้งหมดที่ควรรู้กันเลย

  1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง และใบแจ้งความ (เฉพาะกรณีใบขับขี่รถสาธารณะเท่านั้น)
  2. จองคิวผ่านแอป DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์กรมการขนส่ง โดยเลือกสำนักงานขนส่ง วันที่และเวลาที่สะดวกในการยื่นคำขอ
  3. เดินทางไปสำนักงานขนส่งตามวันเวลาที่จอง เพื่อยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ และกรอกแบบฟอร์มคำขอทำใบขับขี่ใหม่ โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูล และเอกสารทั้งหมด
  4. หากเอกสารครบถ้วน และผ่านการตรวจสอบแล้ว ต้องชำระค่าธรรมเนียม จากนั้น เจ้าหน้าที่จะออกใบแทนใบอนุญาตขับขี่ให้

 

ใบขับขี่หายต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? 

ปัจจุบันการออกใบขับขี่ใหม่เป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น เพียงนำเอกสารพื้นฐานไปยื่นที่สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสาขา โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนเหมือนแต่ก่อน

  1. เอกสารสำหรับคนไทย 

เพียงแค่บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง หรือหากไม่มีก็สามารถใช้เอกสารทางราชการอื่นที่ใช้ยืนยันตัวตนได้ เช่น บัตรข้าราชการ หรือบัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอทำใบขับขี่ฉบับแทนได้ทันที

  1. เอกสารสำหรับชาวต่างชาติ 

ใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุเป็นหลักฐานในการยื่นขอทำใบขับขี่ใบใหม่

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • ใบขับขี่ใบใหม่จะมีอายุการใช้งานเท่ากับวันหมดอายุของใบเดิม
  • ไม่จำเป็นต้องสอบใหม่หรือตรวจสุขภาพใหม่
  • แนะนำให้ตรวจสอบเวลาทำการของสำนักงานขนส่งก่อนเดินทางไปเพื่อประหยัดเวลา

 

ขั้นตอนจองคิวทำใบขับขี่ผ่านแอปพลิเคชัน

ขั้นตอนจองคิวทำใบขับขี่ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เป็นอย่างไร

  1. ลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบ
    • ดาวน์โหลดแอป DLT Smart Queue
    • ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานครั้งแรก
  2.  เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการ
    • เลือกสำนักงานขนส่งที่สะดวกสำหรับการนัดหมาย
  3.  เลือกประเภทบริการ “งานใบอนุญาต”
    • เลือกเมนู งานใบอนุญาต สำหรับบริการเกี่ยวกับใบขับขี่
  4. เลือกประเภทใบอนุญาตขับรถ และประเภทบริการ “อื่นๆ”
    • เลือกชนิดของใบอนุญาตขับรถ เช่น ส่วนบุคคล หรือสาธารณะ
    • เลือก “อื่นๆ” หรือประเภทบริการที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่หาย
  5. เลือกประเภทยานพาหนะ แล้วติ๊ก “ใบอนุญาตขับรถสูญหาย”
    • ระบุชนิดยานพาหนะที่ต้องการทำใบขับขี่ใหม่
    • เลือกช่องสูญหาย/ชำรุด
  6.  เลือก “ใบอนุญาตส่วนบุคคล: ใบแทนชำรุดหรือสูญหาย”
    • เลือกประเภทใบแทนที่ตรงกับกรณีของตนเอง
  7. เลือกวันที่ต้องการทำใบขับขี่
    • เลือกวัน และช่วงเวลาที่ต้องการเข้ารับบริการ
    • กดยืนยัน และบันทึกภาพหน้าจอหลักฐานการจองคิว เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในวันนัดหมาย

 

ค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่ใหม่ราคาเท่าไหร่? ในกรณีใบขับขี่หาย

ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เมื่อใบขับขี่หาย และต้องการขอทำใบขับขี่ใหม่ (ใบแทน) มีรายการต่อไปนี้

  • ค่าคำขอ: 5 บาท
  • ค่าธรรมเนียมใบแทน: 100 บาท
  • ค่าถ่ายรูปและพิมพ์บัตร: 100 บาท

ทั้งนี้ หากเป็นกรณีขอใบแทนจากการสูญหาย จะเรียกเก็บเฉพาะค่าคำขอ ค่าธรรมเนียมใบแทน และค่าถ่ายรูป/พิมพ์บัตร ส่วนค่าธรรมเนียมใบขับขี่เต็มจำนวน จะเก็บในกรณีต่ออายุหรือออกใบขับขี่ใหม่หลังหมดอายุเท่านั้น

 

ใบขับขี่หายต้องอบรมทำใบขับขี่ใหม่ไหม

ใบขับขี่หายต้องอบรมทำใบขับขี่ใหม่ไหม?

หลายคนอาจสงสัยว่า เมื่อใบขับขี่หาย ต้องเข้าอบรมใหม่หรือไม่ คำตอบขึ้นกับระยะเวลาที่ใบขับขี่หายหรือขาดต่ออายุ โดยแยกออกเป็น 2 กรณีดังนี้

  • ใบขับขี่หายไม่เกิน 3 ปี

หายหรือหมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียน และอบรมใหม่ตามประเภทใบขับขี่ โดยกรณีใบขับขี่ 5 ปี ต้องอบรม 2 ชั่วโมง ส่วนกรณีใบขับขี่ 2 ปี (ชั่วคราว) ต้องอบรม 5 ชั่วโมง

  • ใบขับขี่หายเกิน 3 ปีขึ้นไป

กรณีใบขับขี่หายเกิน 3 ปี หรือขาดต่ออายุเกิน 3 ปี:

  • ต้องอบรมใหม่ (2 หรือ 5 ชั่วโมงตามประเภท)
  • ต้องสอบข้อเขียน และสอบขับรถใหม่
  • ต้องยื่นใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
  • กระบวนการเกือบเหมือนเริ่มทำใบขับขี่ใหม่ ต้องผ่านทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้น

 

ใบขับขี่หายเคลมประกันได้ไหม? 

เรื่องการเคลมประกันรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุโดยที่ผู้ขับไม่มีใบขับขี่ติดตัว บริษัทประกันจะพิจารณาแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ดังนี้

กรณีที่ 1: ผู้ขับเป็นฝ่ายถูก 

หากคุณไม่มีใบขับขี่ติดตัวแต่เป็นฝ่ายที่ถูกชนหรือถูกกระทำ ประกันภัยยังคงให้ความคุ้มครองครบถ้วนตามกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล และค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากฝ่ายที่ก่อเหตุ

กรณีที่ 2: ผู้ขับเป็นฝ่ายผิดและไม่เคยมีใบขับขี่ 

หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ขับไม่เคยผ่านการสอบหรือทำใบอนุญาตขับขี่มาก่อนเลย บริษัทประกันมีสิทธิ์ปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ อย่างไรก็ตาม หากใบขับขี่เพียงแค่สูญหายหรือหมดอายุ บริษัทประกันจะยังคงให้ความคุ้มครองทั้งสำหรับรถของคุณและความเสียหายที่เกิดกับคู่กรณีตามเงื่อนไขในกรมธรรม์

กรณีที่ 3: ใบขับขี่ถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่และเป็นฝ่ายผิด 

สถานการณ์นี้คือใบขับขี่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ชั่วคราว ผู้ขับจำเป็นต้องขอสำเนาสำนวนการจับกุมจากเจ้าหน้าที่เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นเคลม ซึ่งบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครองทั้งความเสียหายของรถคุณและคู่กรณีได้

**หมายเหตุ:** ควรเก็บสำเนาใบขับขี่ไว้ในรถหรือถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ และหากใบขับขี่หาย ควรรีบไปดำเนินการทำใบแทนโดยเร็วที่สุด

 

อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว ใครที่ใบขับขี่หาย ไม่ต้องตกใจหรือกังวลไป เพียงแค่เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ก็สามารถกลับมาใช้สิทธิ์ขับขี่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกครั้ง เท่านี้คุณก็จะสามารถขับรถคู่ใจได้ ส่วนใครที่กำลังมองหารายได้เสริมจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์หรือกำลังมองหาอาชีพเสริม อย่ารอช้า รีบสมัครสมัคร GrabBike หรือสมัคร GrabCarได้ที่นี่เลย และยังสามารถอ่านรีวิวรายได้คนขับแกร็บจากผู้ขับตัวจริงได้ด้วย

 

คำถามที่พบบ่อย 

Q: ใบขับขี่หาย แต่ยังใช้แอป DLT QR License ได้ ยังควรทำใบแทนหรือไม่?

A: ถึงแม้แอป DLT QR License สามารถใช้เป็นหลักฐานชั่วคราวได้ช่วงที่ยังไม่ดำเนินการทำใบใหม่ แต่แนะนำให้ทำใบแทนภายใน 15 วันหลังจากหาย เพื่อป้องกันกรณีที่ระบบแอปล่มหรือไม่สามารถแสดงข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้

 

Q: ใบขับขี่หายแต่ยังใช้งาน Grab ได้ไหม?

A: Grab จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเป็นระยะ หากใบขับขี่หายหรือไม่ได้อัปโหลดเอกสารใหม่ระบบจะระงับบัญชีชั่วคราว จนกว่าคุณจะอัปโหลดสำเนาใบแทนจากกรมขนส่ง ดังนั้นเมื่อทราบว่าใบขับขี่หาย ควรรีบจองคิวทำใบแทนผ่าน DLT Smart Queue และอัปโหลดเอกสารใหม่ทันที

 

Q: กรณีใบขับขี่หายเกิน 1 ปี ต้องอบรมหรือสอบใหม่ตามประเภทใบขับขี่หรือไม่?

A: ใบขับขี่หายไม่เกิน 3 ปี: ต้องอบรม 2 ชม. (ประเภท 5 ปี) หรือ 5 ชม. (ประเภท 2 ปี) และสอบข้อเขียนใหม่ หากเกิน 3 ปี: ต้องอบรม, สอบข้อเขียน, อาจรวมถึงสอบขับจริง และนำใบรับรองแพทย์ไปแสดงด้วย

 

Q: หากมีใบแทนระหว่างรอใบหลัก สามารถใช้เดินทางและตรวจสอบได้หรือไม่?

A: ได้เลยครับ! ใบแทนที่ออกโดยกรมขนส่งแสดงว่าเป็น “หลักฐานชั่วคราวที่ใช้แทนใบขับขี่จริง” ซึ่งใช้ได้ทั้งกับเจ้าหน้าที่และตำรวจ จนกว่าใบขับขี่ตัวจริงจะออกครบตามกำหนด (อายุเท่าใบเดิม)

 

Q: ใช้ใบขับขี่แทน (สำเนา) ได้นานแค่ไหนก่อนรับบัตรจริง?

A: ใบขับขี่แทนที่กรมขนส่งออกให้ใช้ได้เป็นหลักฐานชั่วคราวจนกว่าจะได้รับบัตรจริง (โดยทั่วไปออกภายในวันเดียวกัน) ซึ่ง Grab สามารถยอมรับเอกสารนี้ชั่วคราว แต่เมื่อได้รับบัตรจริงแล้ว ควรอัปโหลดทันที ถึงแม้จะใช้งานถูกต้องก่อนหน้า

 

แหล่งอ้างอิง:

การขอใบแทนใบขับขี่ จากกรมขนส่งทางบก