ทำใบขับขี่สาธารณะมีขั้นตอนอะไรบ้าง แต่ละประเภทมีอายุกี่ปี

เมื่อในปัจจุบันโควิดนั้นเริ่มกลายเป็นโรคไข้หวัดชนิดหนึ่ง ทำให้ผู้คนออกจากบ้านมากขึ้น แน่นอนว่าอาชีพที่กลับมาคึกคักมากขึ้น ก็คือ อาชีพขับรถรับจ้างอย่างการเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บคาร์นั่นเอง หากคุณอยากจะนำรถยนต์มาทำอาชีพเสริมเพื่อที่จะสร้างรายได้พิเศษให้ตัวเอง แกร็บก็พร้อมซัพพอร์ตให้คุณทันที

และหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทาง Grab อยากจะสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์แกร็บคาร์ทำนั้น ก็คือ การทำใบขับขี่สาธารณะนั้นเอง เพราะ นอกมีความสามารถในการขับรถ และเข้าใจกฎจราจรเป็นอย่างดีแล้ว จะต้องมีใบขับขี่ที่ใช้สำหรับการขับรถประเภทนั้น ๆ โดยเฉพาะด้วย เช่น ใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่แท็กซี่ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  ถึงแม้ว่าใบขับขี่สาธารณะนั้น จะใช้เอกสารที่คล้ายกันกับใบขับขี่รถส่วนบุคคล แต่ก็มีความแตกต่างที่คนขับรถสาธารณะทุกคนต้องรู้ ทาง Grab ก็ได้สรุปขั้นตอนและวิธีการทำใบขับขี่สาธารณะที่เข้าใจง่าย ๆ รวมถึงวิธีการต่ออายุใบขับขี่สาธารณะและยังตอบคำถามว่าใบอนุญาตขับรถสาธารณะมีอายุกี่ปี ไว้ให้เเล้วในบทความนี้

Highlight

 

ใบขับขี่สาธารณะมีอายุกี่ปี ถ้าอยากทำจะมีวิธีการทำยังไงบ้างนะ

ใบขับขี่สาธารณะ คืออะไร?

ใบขับขี่สาธารณะ คือ เอกสารที่ผู้ขับรถสาธารณะต่าง ๆ เช่น รถยนต์สาธารณะ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ และรถสามล้อ จำเป็นต้องมีไว้ทุกครั้งในการเดินทาง เพื่อเอาไว้ใช้ยืนยันว่ามีความสามารถในการขับขี่ และได้รับอนุญาตให้ขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสามารถพกได้ทั้งบัตรตัวจริง และ ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์แทนได้

ใบขับขี่สาธารณะมีอายุกี่ปี มีกี่ประเภท?

  • ใบขับขี่รถยนต์ทั่วไป

ใบขับขี่รถยนต์ทั่วไปเป็นประเภทใบขับขี่ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด โดยเป็นใบขับขี่ถาวรที่สามารถขอรับได้หลังจากใบขับขี่แบบชั่วคราวหมดอายุแล้ว มีระยะเวลาใช้งานแตกต่างกันตามประเภทของรถยนต์ที่ใช้ และมีอัตราค่าธรรมเนียมดังนี้

    • ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล มีอายุการใช้งาน 5 ปี ค่าธรรมเนียม 500 บาท
    • ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ มีอายุการใช้งาน 3 ปี ค่าธรรมเนียม 300 บาท

ใบขับขี่รถยนต์ชนิดชั่วคราว

  • ใบขับขี่รถยนต์ชนิดชั่วคราว 

ใบขับขี่รถยนต์ชนิดชั่วคราวเป็นใบขับขี่ใบแรกที่ได้รับจากการทำใบขับขี่ครั้งแรก มีอายุการใช้งานสั้นกว่าใบขับขี่ถาวร และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

    • ใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว อายุการใช้งาน 2 ปี ค่าธรรมเนียม 100 บาท
    • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลแบบชั่วคราว อายุการใช้งาน 2 ปี ค่าธรรมเนียม 50 บาท
    • ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ (รถตุ๊กตุ๊ก) ชั่วคราว อายุการใช้งาน 2 ปี ค่าธรรมเนียม 50 บาท

ต้องทำใบขับขี่สาธารณะชนิดรถจักรยานยนต์สำหรับการขับ grab

  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์

ใบขับขี่รถจักรยานยนต์มีเงื่อนไขเช่นเดียวกับใบขับขี่รถยนต์ โดยเมื่อใบขับขี่ชั่วคราวหมดอายุแล้ว จะสามารถขอรับใบขับขี่ถาวรที่มีระยะเวลาการใช้งานยาวขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล อายุการใช้งาน 5 ปี ค่าธรรมเนียม 250 บาท
    • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ อายุการใช้งาน 3 ปี ค่าธรรมเนียม 150 บาท

ขับตุ๊กตุ๊กต้องมีใบขับขี่สาธารณะชนิดสามล้อ

  • ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ หรือรถตุ๊กตุ๊ก

ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ หรือรถตุ๊กตุ๊ก มีเงื่อนไขเหมือนกับใบขับขี่รถยนต์ทั่วไป โดยเมื่อใบขับขี่ชั่วคราวหมดอายุแล้ว จะสามารถขอรับใบขับขี่ถาวรที่มีระยะเวลาการใช้งานนานขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    • ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล อายุการใช้งาน 5 ปี ค่าธรรมเนียม 250 บาท
    • ใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ อายุการใช้งาน 3 ปี ค่าธรรมเนียม 150 บาท

 ขับรถแทรกเตอร์หรือรถบดถนนต้องมีใบขับขี่สาธารณะชนิดรถแทรกเตอร์หรือรถบดถนน

  • ใบขับขี่รถแทรกเตอร์ และใบขับขี่รถบดถนน

สำหรับผู้ที่ต้องการขับขี่รถแทรกเตอร์หรือรถบดถนน จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรเฉพาะเพื่อความปลอดภัย และมีทักษะในการควบคุมรถอย่างถูกต้อง ใบขับขี่ประเภทนี้มีรายละเอียดดังนี้

    • ใบขับขี่รถแทรกเตอร์ และใบขับขี่รถบดถนน อายุการใช้งาน 5 ปี ค่าธรรมเนียม 250 บาท

ใบขับขี่รถระหว่างประเทศ

  • ใบขับขี่รถระหว่างประเทศ

ใบขับขี่รถระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ใบขับขี่สากล เป็นใบอนุญาตที่ใช้ขับขี่ยานพาหนะในต่างประเทศได้ โดยผู้ขอใบขับขี่สากลจะต้องมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลก่อนจึงจะสามารถขอรับได้ รายละเอียดมีดังนี้

    • ใบขับขี่สากลอนุสัญญาเจนีวา 1949 อายุการใช้งาน 1 ปี ค่าธรรมเนียม 505 บาท
    • ใบขับขี่สากลอนุสัญญาเวียนนา 1968 อายุการใช้งาน 3 ปี ค่าธรรมเนียม 505 บาท

จะทำใบขับขี่สาธารณะ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?

การขอรับใบขับขี่สาธารณะไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากนัก แต่มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามประเภทของใบขับขี่ ดังนี้

  1. มีใบขับขี่รถส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถสามล้อส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
  2. ทำใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ เช่น ใบขับขี่แท็กซี่ และรถยนต์สามล้อสาธารณะ ต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป ส่วนใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
  3. มีความสามารถในการขับรถ และเข้าใจกฎจราจร
  4. ไม่มีโรคประจำตัว และร่างกายไม่พิการจนไม่สามารถขับรถได้
  5. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
  6. ไม่อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
  7. ไม่เคยมีคดีเกี่ยวกับการขับรถ หรือโดนปรับตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป
  8. ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีต่าง ๆ แต่หากเคยรับโทษ ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้
    • กรณีจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
    • กรณีจำคุกเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน
    • กรณีจำคุกเกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 3 ปี
    • กรณีอื่น ๆ เช่น โดนปรับ รอลงอาญา รอขึ้นศาล ต้องมีเอกสารทางคดีจากสถานีตำรวจมายืนยันชี้แจงเกี่ยวกับคดีความ

ขั้นตอนการเป็นรถรับจ้างสาธารณะทำอย่างไร?

ขั้นตอนสู่การทำใบขับขี่สาธารณะ

ขั้นตอนที่ 1 ลงทะเบียนอบรมออนไลน์

ไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ กรอกฟอร์มประสงค์ที่จะทำใบขับขี่ และดูวิดีโออบรมพร้อมทำแบบทดสอบให้ครบถ้วน เมื่อผ่านการอบรมออนไลน์ ท่านจะได้คิวอาร์โค้ด โดยจะมีอายุ 180 วัน โดยการเข้าฝึกอบรมออนไลน์ 3 ชั่วโมง จะประกอบไปด้วย

  • การฝึกอบรมภาคบังคับ
  • การฝึกอบรมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและเส้นทางการเดินทาง
  • การฝึกอบรมภาษาอังกฤษสำหรับผู้ขับขี่รถสาธารณะ
  • การฝึกอบรมการให้บริการ

ขั้นตอนที่ 2 จองคิวเพื่อเข้ารับการทดสอบ

หลังจากนั้นก็ทำการจองคิวผ่านทางเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th หรือ แอป DLT Smart Queue โดยสามารถทำการ เลือกชนิดใบขับขี่ที่ต้องการจะทำ สถานที่ วัน และเวลาได้เลย ท่านจะได้รับคิวอาร์โค้ดเพื่อเป็นการยืนยันในการจองคิว

ขั้นตอนที่ 3 ยื่นเอกสาร

ก่อนที่เราจะถึงวันที่จองไว้ ต้องเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย และไปที่กรมขนส่งตามวันที่จองไว้ เพื่อยื่นเอกสาร ดังนี้

  • บัตรประชาชน (ที่ไม่หมดอายุ)
  • ใบขับขี่ส่วนบุคคล (ที่ไม่หมดอายุ)
  • ใบรับรองแพทย์ แจ้งคลินิกว่าสำหรับทำใบขับขี่สาธารณะ โดยต้องขอไม่เกิน 30 วัน ก่อนไปทดสอบที่ขนส่ง
  • คิวอาร์โค้ดผ่านการอบรม (อายุไม่เกิน 180 วัน)

ขั้นตอนที่ 4 เข้ารับการทดสอบ

หลังจากที่ยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ทางขนส่งจะเริ่มให้เราทดสอบสมรรถภาพร่างกาย4 อย่างด้วยกัน

  • ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
  • ทดสอบสายตาทางลึก
  • ทดสอบสายตาทางกว้าง
  • ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)

พร้อมสอบภาคทฤษฎี (ข้อเขียน) โดยจะต้องผ่านทั้งหมด 90% สำหรับภาคทฤษฎี ซึ่งทางแกร็บก็มีติวให้อยู่แล้วที่ Grab Academy  และหลังจากผ่านข้อเขียนก็ต้องมีการสอบปฏิบัตินั่นก็คือ การสอบขับรถ นั่นเอง

เมื่อผ่านการทดสอบทุกอย่างแล้ว ทางขนส่งจะให้เอกสาร ดังนี้

  • หนังสือขอตรวจประวัติอาชญากรรม (เพื่อเก็บไว้และนำไปใช้ยื่นตรวจประวัติขั้นตอนที่ 5.)
  • ใบรับรองการผ่านอบรม

ขั้นตอนที่ 5 ตรวจประวัติอาชญากรรม

นำหนังสือขอตรวจประวัติได้จากขั้นตอนที่ 4 ไปยื่นขอตรวจประวัติ โดยมีรายละเอียดตามด้านล่างนี้

  • กรุงเทพฯ: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปทุมวัน)
  • ต่างจังหวัด: ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1-10 หรือ พิสูจน์หลักฐานจังหวัด หรือ สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ [สถานที่ตรวจประวัติทั้งหมด]
  • รอผลตรวจประวัติ (ประมาณ 2-3 สัปดาห์)
  • ค่าตรวจ 100 บาท

ขั้นตอนที่ 6 ไปขอรับใบขับขี่ที่กรมขนส่ง

  • นำเอกสารตรวจสอบประวัติอาชญากรที่ตรวจแล้วส่งให้กับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก
  • ถ่ายรูปสำหรับทำใบขับขี่
  • รับใบขับขี่สาธารณะ
  • ชำระค่าธรรมเนียม 305 บาท

เอกสารที่ใช้ในการทำใบขับขี่สาธารณะในแต่ละกรณีมีอะไรบ้าง?

เอกสารที่ใช้ในการทำใบขับขี่สาธารณะ

  • ทำใบขับขี่รถสาธารณะใหม่ (กรณีขอใหม่)

    • ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ เช่น ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
    • บัตรประชาชนตัวจริง
    • ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
  • กรณีต่ออายุใบขับขี่รถสาธารณะ

    • ใบขับขี่สาธารณะของเดิม
    • บัตรประชาชนตัวจริง
    • ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
  • กรณีใบขับขี่รถสาธารณะหาย

    • ใบแจ้งความ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นคำร้องขอทำใบขับขี่ใหม่
    • บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง

ใบขับขี่สาธารณะมีอายุกี่ปี มีกี่ประเภท?

ใบขับขี่สาธารณะมีอายุทั้งหมด 3 ประเภท
• ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ อายุ 3 ปี
• ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ อายุ 3 ปี
• ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ อายุ 3 ปี

เมื่อได้รู้ขั้นตอนของการขอรับใบขับขี่สาธารณะแล้ว ก่อนที่จะไปทำใบขับขี่เราต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อความรวดเร็ว และหากใครที่สนใจนำรถยนต์มาหารายได้เสริมให้ตัวเอง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้ามาได้เลยที่นี่

 

คำถามที่พบบ่อย

Q: หากสอบใบขับขี่สาธารณะไม่ผ่านจะต้องทำอย่างไร?

A: หากสอบไม่ผ่าน สามารถสอบใหม่ได้โดยไม่ต้องอบรมใหม่ แต่ต้องจ่ายค่าสอบใหม่ และต้องรอสอบในวันทำการถัดไป ส่วนใหญ่ที่สอบไม่ผ่านมักเป็นเพราะข้อเขียน (ต้องผ่าน 90%) หรือการสอบขับรถ แนะนำให้ทบทวนกฎจราจรและเทคนิคการขับรถให้ดี ศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือสอบใบขับขี่หรือแอปพลิเคชันต่างๆ สำหรับการสอบขับรถ ควรฝึกฝนการทรงตัว การจอดรถ และการปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร หากสอบไม่ผ่าน 3 ครั้ง จะต้องเข้าอบรมใหม่ทั้งหมด

Q: ความแตกต่างหลักระหว่างใบขับขี่ส่วนบุคคลกับสาธารณะคืออะไร?

A: ความแตกต่างหลักมี 4 ประการ คือ 1) วัตถุประสงค์การใช้งาน – ส่วนบุคคลใช้ขับรถส่วนตัว สาธารณะใช้ขับรถรับจ้าง 2) อายุการใช้งาน – ส่วนบุคคล 5 ปี สาธารณะ 3 ปี 3) ขั้นตอนการทำ – สาธารณะซับซ้อนกว่า ต้องอบรมเพิ่ม ตรวจประวัติอาชญากรรม และมีคุณสมบัติเข้มงวดกว่า 4) ค่าใช้จ่าย – สาธารณะแพงกว่าเพราะมีขั้นตอนเพิ่มเติม รวมค่าตรวจประวัติ นอกจากนี้ใบขับขี่สาธารณะยังต้องมีการอบรมด้านการให้บริการลูกค้าและภาษาอังกฤษพื้นฐาน

Q: การตรวจประวัติอาชญากรรมใช้เวลานานเท่าไหร่ และตรวจอะไรบ้าง?

A: การตรวจประวัติใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของงานในแต่ละช่วง การตรวจจะครอบคลุมประวัติคดีอาญาทุกประเภท โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ เช่น ขับรถในสภาพเมาสุรา ขับรถประมาท ทำร้ายร่างกาย และคดีอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร หากมีประวัติคดีจะต้องพิจารณาตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ต้องพ้นโทษตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ค่าใช้จ่าย 100 บาท และควรไปยื่นขอตรวจทันทีหลังจากสอบผ่านเพื่อไม่ให้เสียเวลา

Q: คนต่างชาติสามารถทำใบขับขี่สาธารณะได้หรือไม่?

A: สามารถทำได้ แต่ต้องมีหลักฐานการอยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างถูกต้อง เช่น วีซ่าทำงาน ใบอนุญาทำงาน หรือหนังสือเดินทางที่มีตราประทับเข้าเมือง และต้องมีใบขับขี่ส่วนบุคคลมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี เช่นเดียวกับคนไทย การอบรมและสอบจะเป็นภาษาไทย แต่บางสำนักงานอาจมีเจ้าหน้าที่ที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ใบรับรองแพทย์ต้องขอจากโรงพยาบาลในประเทศไทย และสำหรับการตรวจประวัติอาชญากรรมอาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ ใบขับขี่ที่ได้รับจะมีอายุตามระยะเวลาที่อนุญาตให้อยู่ในประเทศ

Q: ผู้ที่เป็นพาร์ทเนอร์ Grab ต้องมีใบขับขี่สาธารณะหรือใช้ใบขับขี่ส่วนบุคคลได้? 

A: ต้องมีใบขับขี่สาธารณะเท่านั้น เพราะถือเป็นการขับรถเพื่อรับจ้างตามกฎหมาย การใช้ใบขับขี่ส่วนบุคคลขับรถรับจ้างถือเป็นความผิดและอาจถูกปรับหรือจับกุมได้ Grab จะตรวจสอบเอกสารใบขับขี่สาธารณะก่อนอนุมัติการเป็นพาร์ทเนอร์ และต้องมีอายุใบขับขี่คงเหลืออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป หากหมดอายุต้องรีบต่ออายุภายใน 30 วัน มิฉะนั้นอาจถูกระงับการให้บริการชั่วคราวจนกว่าจะต่ออายุเสร็จ การมีใบขับขี่สาธารณะยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารอีกด้วย