หมวกกันน็อคเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับผู้ที่ขับขี่จักรยานยนต์ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ย่อมมีคราบเหงื่อ กลิ่นอับ และฝุ่นสะสม วันนี้จะพาทุกคนไปดูวิธีซักหมวกกันน็อคหรือวิธีทำความสะอาดหมวกกันน็อคที่ถูกต้อง และทำได้ไม่ยาก เพียงใช้อุปกรณ์ไม่กี่อย่างก็สามารถดูแลหมวกให้สะอาดพร้อมขับขี่อย่างมั่นใจได้ทุกวัน
Highlight
- หมวกกันน็อคเป็นรอย มีกลิ่นอับ เกิดจากอะไร?
- อุปกรณ์ทำความสะอาดหมวกกันน็อคมีอะไรบ้าง?
- วิธีทำความสะอาดภายนอกหมวกกันน็อค ต้องทำอย่างไร?
- ขจัดกลิ่นอับภายในหมวกกันน็อค ต้องทำอย่างไร?
- วิธีดูแลและถนอมหมวกกันน็อค มีอะไรบ้าง?
- ข้อควรระวังในการทำความสะอาดหมวกกันน็อก มีอะไรบ้าง?

หมวกกันน็อคเป็นรอย มีกลิ่นอับ เกิดจากอะไร?
ก่อนจะไปดูวิธีซักหมวกกันน็อค มาดูกันว่า หมวกกันน็อคเป็นรอย และมีกลิ่นอับนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
- หมวกกันน็อคเป็นรอย
- การตกหล่นหรือกระแทก: การทำหมวกกันน็อคตกหรือวางบนพื้นผิวหยาบ และแข็งบ่อยครั้ง จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนเปลือกนอกของหมวก
- การเก็บในที่แคบหรือร่วมกับสิ่งของอื่น: การจับยัดหมวกไว้ในกระเป๋าที่มีสิ่งของอื่น ๆ หรือวางทับกับข้าวของ อาจเกิดการเสียดสีจนเกิดรอยได้เช่นกัน
- ทำความสะอาดด้วยของมีคมหรือวัสดุหยาบ: หากใช้ฟองน้ำหรือผ้าที่มีพื้นผิวหยาบในตอนทำความสะอาดหมวกกันน็อคหรือใช้เช็ดหมวกแรงเกินไป อาจทำให้หน้าหมวกหรือเปลือกนอกเป็นรอย
- การใช้งานเป็นเวลานาน: หมวกที่ใช้งานมายาวนาน มีโอกาสเกิดรอยตามอายุการใช้งานเป็นปกติ
- หมวกกันน็อคมีกลิ่นอับ
- เหงื่อและความชื้น: เมื่อสวมใส่หมวกกันน็อคนาน ๆ เหงื่อจะซึมเข้าไปในซับในหมวก หากไม่ได้ซักหมวกกันน็อค จะเกิดการสะสมของความชื้น ส่งผลให้เกิดกลิ่น
- แบคทีเรียและเชื้อรา: สภาพอับชื้นทำให้แบคทีเรียและเชื้อราขยายตัว ส่งผลให้หมวกเกิดกลิ่นอับแรงขึ้น
- การไม่ได้ทำความสะอาดเป็นระยะเวลานาน: หากขาดการดูแล ไม่ซักหมวกกันน็อคหรือไม่ทำความสะอาดทั้งตัวหมวก และซับในเป็นประจำ จะเกิดคราบเหงื่อ ฝุ่น และสารปนเปื้อนสะสม สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์
- เก็บหมวกในที่ปิดทึบหรือไม่มีการระบายอากาศ: การเก็บหมวกกันน็อคในกล่องหรือรถมอเตอร์ไซค์ที่อับ ไม่เจอกับลมเลย จะยิ่งทำให้ความอับและกลิ่นไม่จางหาย
อุปกรณ์ทำความสะอาดหมวกกันน็อคมีอะไรบ้าง?
| อุปกรณ์ | รายละเอียด | ใช้สำหรับส่วนไหน | ข้อดี |
| ผ้าไมโครไฟเบอร์ | ผ้าเนื้อนุ่ม ไม่เป็นขุย | เช็ดเปลือกหมวก / กระจกหน้า | ลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วน |
|
แชมพูเด็ก / น้ำสบู่อ่อน |
ทำความสะอาดแบบอ่อนโยน | ซักซับใน / ฟองน้ำ | ไม่ระคายเคือง |
| น้ำยาทำความสะอาดหมวกกันน็อค | โฟมหรือสเปรย์สำหรับทำความสะอาดหมวกกันน็อคโดยเฉพาะ | ทำความสะอาดทั้งภายใน และภายนอก | ขจัดคราบ และกำจัดกลิ่น |
| ฟองน้ำเนื้อนุ่ม | เนื้อสัมผัสนุ่ม | เช็ดเปลือก / หน้ากากหมวก | ถนอมพื้นผิว |
วิธีทำความสะอาดภายนอกหมวกกันน็อค ต้องทำอย่างไร?
การดูแล และทำความสะอาดหมวกกันน็อคอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งาน และลดปัญหากลิ่นอับหรือรอยเปื้อนต่าง ๆ ได้ มาดูวิธีซักหมวกกันน็อคหรือวิธีทำความสะอาดหมวกกันน็อคที่ถูกต้องกันเลย

วิธีทำความสะอาดหมวกกันน็อคภายนอก
- เตรียมอุปกรณ์
- ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้านุ่ม (ไม่ใช้ผ้าหยาบ)
- น้ำสะอาด หรือผสมน้ำสบู่อ่อน/แชมพูเด็ก
- ฟองน้ำนุ่ม (กรณีคราบติดแน่น)
- สเปรย์หรือน้ำยาทำความสะอาดหมวกกันน็อคโดยเฉพาะ (ถ้ามี)
- ขวดฟ็อกกี้สำหรับฉีดน้ำหรือสเปรย์
- ขั้นตอนการทำความสะอาด
- เช็ดฝุ่น และคราบบนผิวหมวกออกด้วยผ้าแห้งหรือผ้าเปียกหมาด ๆ ก่อน
- หากมีคราบฝังแน่น แนะนำให้ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดฉีดบนบริเวณนั้น ทิ้งไว้ 2-3 นาที เพื่อให้คราบอ่อนตัวแล้วเช็ดออก
- ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำชุบน้ำสบู่อ่อน เช็ดเปลือกหมวก และกระจกหน้าหมวกอย่างเบามือ
- สำหรับหน้ากากหรือชิลด์ควรใช้แต่น้ำเปล่าหรือน้ำสบู่เจือจาง เนื่องจากบนผิวมีสารเคลือบป้องกันรอย และแสงสะท้อนอยู่
- หลังเช็ดจนสะอาด ให้ใช้ผ้าสะอาดที่แห้งซับน้ำออกหรือผึ่งลมในที่ร่มจนแห้งสนิท
- ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอก น้ำยาฟอกขาว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรด-ด่างรุนแรง เพราะจะทำให้พื้นผิวหมวกเสียหาย
- ไม่ควรใช้น้ำร้อน เพราะอาจทำให้หมวกเสียรูปทรงได้
- ห้ามใช้แปรงแข็งหรือวัสดุหยาบขัด เพราะอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน

วิธีทำความสะอาดหมวกกันน็อคภายใน
- กรณีซับใน “ถอดซักได้”
-
- ถอดชิ้นส่วนทั้งหมดที่ถอดได้ เช่น ซับใน รอบแก้ม แผ่นรองหัว และใช้น้ำสบู่อ่อนหรือแชมพูเด็ก แช่ซับในไว้ 5 – 10 นาที ขยำเบา ๆ
- ล้างน้ำเปล่าซ้ำจนหมดฟอง บีบให้หมาด และนำไปผึ่งลมในที่ร่ม ไม่ควรตากแดดแรงหรือเป่าเครื่องร้อน เพราะจะทำให้วัสดุเสื่อม และเสียรูปทรง
- กรณีซับใน “ถอดซักไม่ได้”
-
- ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่อ่อนหรือใช้สเปรย์โฟมสำหรับทำความสะอาดหมวกกันน็อคโดยเฉพาะ ฉีด และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าสะอาดซับให้แห้ง
- นำไปวางผึ่งลมให้แห้ง ในที่ร่ม และอากาศถ่ายเท ไม่ควรตากแดดแรง เพราะจะทำให้โฟมภายในเสียสภาพ

ขจัดกลิ่นอับภายในหมวกกันน็อค ต้องทำอย่างไร?
- ถอดซับในและซักหมวกกันน็อคด้วยน้ำสบู่อ่อนหรือแชมพูเด็ก: ถ้าเป็นรุ่นที่ถอดซับในได้ ให้แช่และซักซับในเป็นประจำ จากนั้นล้างน้ำสะอาดและตากลมในที่ร่มจนแห้งสนิท
- ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อหรือดับกลิ่นโดยเฉพาะ: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับหมวกกันน็อคที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ และลดกลิ่นอับ ฉีดให้ทั่วซับใน และผึ่งลม
- ผึ่งลมหรือแดดอ่อนๆ: หลังใช้งานหรือทุกครั้งหลังทำความสะอาด ควรผึ่งหมวกให้ได้รับลมหรือแดดอ่อน เพื่อช่วยระเหยความชื้นและลดกลิ่นอับ
- หมั่นทำความสะอาดสม่ำเสมอ: คอยทำความสะอาดหมวกกันน็อค เพื่อลดการสะสมของเหงื่อ และเชื้อราโดยทำความสะอาดซับในอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และทุกครั้งหลังใช้งานหนักหรือหลังตากฝน

วิธีดูแลและถนอมหมวกกันน็อค มีอะไรบ้าง?
- ใส่หมวกคลุมหัวทุกครั้งก่อนสวมหมวกกันน็อค: การใส่หมวกคลุม ช่วยป้องกันไม่ให้เหงื่อ ความมัน และสิ่งสกปรกจากหนังศีรษะหรือเส้นผมสัมผัสโดยตรงกับซับในของหมวกกันน็อค ช่วยลดการสะสมคราบสกปรก กลิ่นอับ และยืดอายุการใช้งานของซับในให้ใช้งานได้นานขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ขับขี่ทางไกลหรือใช้งานเป็นประจำ
- หมั่นนำหมวกกันน็อคออกไปตากแดด: การผึ่งลมหรือตากแดดอ่อนๆ เป็นประจำ (โดยหลีกเลี่ยงแดดแรงหรือเวลานานเกินไป) จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดกลิ่นอับที่สะสมในหมวก ช่วยให้หมวกแห้งสนิทหลังจากใช้งานหรือทำความสะอาด
- เปลี่ยนกระบังหน้าหรือแผ่นกันลมหากมีรอยเยอะ: กระบังหน้า และแผ่นกันลมที่มีรอยขีดข่วนเยอะ จะรบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่ อาจก่อให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ดังนั้น หากพบว่า กระบังหน้ามีรอยมากจนรบกวนการมองเห็น ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัย และความชัดเจนในการขับขี่
ข้อควรระวังในการทำความสะอาดหมวกกันน็อก มีอะไรบ้าง?
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง: เช่น ผงซักฟอก น้ำยาฟอกขาว หรือน้ำยาที่มีกรด-ด่างแรง ๆ เพราะจะทำลายพื้นผิวเปลือกหมวก และซับใน
- ไม่ใช้แปรงแข็งหรือฟองน้ำหยาบ: เพราะจะทำให้หมวกเป็นรอย
- ไม่ใช้น้ำร้อนหรือเครื่องเป่าแรง ๆ: เพราะความร้อนสูงจะทำให้หมวกเสียรูป และโฟมแข็งตัวผิดปกติ
- ต้องปล่อยให้แห้งสนิทก่อนใช้: ป้องกันความชื้นที่จะสร้างกลิ่น และก่อให้เกิดเชื้อรา
การดูแลทำความสะอาดหมวกกันน็อคหรือซักหมวกกันน็อคอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแค่ช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาสุขอนามัย แต่ยังช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยในทุกการเดินทาง หากใครกำลังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้พิเศษที่มั่นคง Grab เปิดรับสมัครคนขับหรือไรเดอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะอยากขับ GrabBike และ GrabCar ก็สามารถเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับแกร็บได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังอ่านรีวิวรายได้คนขับแกร็บจากผู้ขับตัวจริงได้ที่นี่
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการหมวกกันน็อค เพื่อใช้ในการขับขี่หรือสมัครเป็นพาร์ทเนอร์ Grab มีหมวกกันน็อคมาตรฐานสำหรับคนขับ และผู้ใช้บริการ โดยปกติราคาหมวกกันน็อคเริ่มต้นที่ประมาณ 360 บาทต่อใบ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับรอบโปรโมชั่นและรุ่นที่เลือก) สามารถดูรายละเอียด และสั่งซื้อได้ในระบบ Grab Partner หรือหน้าเพจของ Grab โดยตรง
FAQ
Q: เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนหมวกกันน็อคตัวใหม่?
A: ควรเปลี่ยนทุก 3-5 ปี แม้ไม่เคยตก หากเคยตกหรือกระแทกแรง ควรเปลี่ยนทันที และควรเช็กสภาพ รอยแตก รอยเสียหาย หรือส่วนประกอบที่หลวมเป็นประจำ หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ และเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัยระหว่างขับขี่
Q: ควรทำความสะอาดหมวกกันน็อคบ่อยแค่ไหน?
A: ทำความสะอาดภายนอกทุกครั้งหลังใช้งาน และซักเบาะรองภายในอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หากใช้งานประจำวันหรือมีกลิ่นควรซักบ่อยขึ้น
Q: หมวกกันน็อคอบแห้งได้ไหม?
A: หมวกกันน็อคอบแห้งได้ หากเลือกใช้ Helmet Dryer ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูง และการอบแบบรุนแรง เพื่อยืดอายุ และคงความปลอดภัยของตัวหมวกกันน็อคไว้
Q: ซักเบาะหมวกกันน็อคแล้วไม่แห้งทำอย่างไร?
A: วางเบาะในที่อากาศถ่ายเทดี และใช้พัดลมเป่าเบาๆ เพื่อเร่งการระบายความชื้น หลีกเลี่ยงการบีบน้ำออกแรง ๆ เพราะจะทำให้โฟมเสียรูป
Q: ทำความสะอาดสายรัดหมวกกันน็อคอย่างไร?
A: ใช้แปรงขนอ่อนขัดเบา ๆ ด้วยน้ำสบู่ และคอยเช็กหัวเข็มขัดหลังทำความสะอาด หากพบความเสียหายหรือใช้งานไม่ได้ ควรเปลี่ยนทันที เพราะมีผลต่อความปลอดภัย