จ่ายค่าปรับจราจร 2569 ผ่านแอพและออนไลน์ มีช่องทางไหนบ้าง

ในปัจจุบัน การจ่ายค่าปรับจราจรเมื่อได้รับใบสั่ง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางไปสถานีตำรวจหรือรอคิวแบบเดิมอีกต่อไป เพราะมีช่องทางให้เลือกชำระได้สะดวก หลากหลาย และปลอดภัย บทความนี้จะสรุปช่องทางจ่ายค่าปรับจราจรปี 2569 ว่ามีอะไรบ้าง และทำความเข้าใจว่า ใบสั่งค่าปรับจราจรมีกี่แบบ มีวิธีเช็กอย่างไร พร้อมตอบคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย เช่น ไม่จ่ายค่าปรับจราจร ต่อภาษีรถยนต์ได้หรือไม่

Highlight

 

ใบสั่งค่าปรับจราจรมีกี่แบบ?

ใบสั่งค่าปรับจราจร เป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกให้ผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎจราจร เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และกำหนดค่าปรับที่ต้องชำระ โดยใบสั่งค่าปรับจราจรในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก

  1. ใบสั่งติดรถหรือเขียนด้วยลายมือ: เป็นใบสั่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนหรือพิมพ์ให้ผู้ขับขี่ ณ จุดเกิดเหตุ หรือวางไว้กับรถ (เช่น ติดที่กระจกหน้ารถ)
  2.  ใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรสำหรับส่งทางไปรษณีย์: ออกกรณีจับผิดผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น กล้องตรวจจับความเร็ว ซึ่งไม่สามารถออกใบสั่ง ณ จุดเกิดเหตุ
  3. ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) หรือใบสั่งออนไลน์: ในบางกรณีใบสั่งอาจถูกออกในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือพิมพ์ออกมาเป็นใบสั่ง online โดยมี QR Code หรือช่องทางออนไลน์สำหรับชำระค่าปรับได้โดยตรง

เช็กใบสั่งจราจรทางออนไลน์อย่างไร? 

วิธีเช็กใบสั่งจราจรทางออนไลน์ สามารถทำได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว โดยทุกคนสามารถตรวจสอบว่า ตนเองมีใบสั่งค้างชำระหรือไม่ หรือหากได้รับใบสั่งแต่ใบสั่งชำรุด สูญหาย ก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. เข้าเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    • ไปที่เว็บไซต์ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/
    • ลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบ โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน, เลขที่ใบขับขี่ หรือเลขทะเบียนรถ
    • ค้นหาใบสั่งจราจรที่ถูกออกในระบบ และตรวจสอบรายละเอียดใบสั่ง เช่น ข้อมูลวันเวลา สถานที่ และข้อหาที่ถูกระบุ
  2. แอปพลิเคชัน “KHUB DEE”
    • ดาวน์โหลดแอปฯ “KHUB DEE” บนสมาร์ทโฟน
    • ลงทะเบียนด้วยข้อมูลส่วนตัวตามระบบ (เลขบัตรประชาชนหรือใบขับขี่)
    • เช็กใบสั่งจราจร ค่าปรับ และคะแนนใบขับขี่ได้ในแอปเดียว

ช่องทางการชำระค่าปรับ มีอะไรบ้าง

ช่องทางการชำระค่าปรับ มีอะไรบ้าง?

จ่ายค่าปรับจราจรที่ไหนได้บ้าง? ปัจจุบันสามารถทำได้ผ่านหลายช่องทาง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยแต่ละช่องทางจะมีวิธี และขั้นตอนที่แตกต่างกันไป ดังนี้

ตารางเปรียบเทียบช่องทางจ่ายค่าปรับจราจร 

ช่องทาง ค่าธรรมเนียม เวลาทำการ เหมาะกับ
เป๋าตัง ฟรี 24 ชม. ทุกคน
Mobile Banking ฟรี 24 ชม. ทุกคน
KHUB DEE ฟรี 24 ชม. ต้องการเช็กแต้ม
ไปรษณีย์ +81 บาท 08:30-16:30 ไม่มีสมาร์ทโฟน
ตู้บุญเติม ฟรี 24 ชม. ใกล้บ้าน
CenPay ฟรี ตามร้าน ซื้อของด้วย

1. จ่ายค่าปรับจราจรออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

วิธีจ่ายค่าปรับจราจรผ่านแอพเป๋าตัง นอกจากจะสะดวกแล้ว ยังไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถเก็บภาพยืนยันการชำระไว้เป็นหลักฐานได้ เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และเลือก “G-Wallet”
  • เลือกเมนู “จ่ายบิล”
  • เลือก “ค่าปรับจราจร”
  • ระบุ “เลขที่ใบสั่ง” และ “เลขบัตรประชาชน”
  • ใส่จำนวนเงินค่าปรับ ตรวจสอบข้อมูล และกดยืนยันการชำระเงิน

2. จ่ายค่าปรับจราจรออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “Mobile Banking”

วิธีจ่ายค่าปรับจราจรผ่าน Mobile Banking สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว รองรับทุกธนาคารหลัก ด้วยการสแกนจ่ายผ่าน QR

  • เปิดแอป Mobile Banking ของธนาคาร
  • เลือกเมนู “จ่ายบิล” หรือ “ชำระค่าบริการ”
  • สแกน QR Code ท้ายใบสั่ง หรือค้นหาชื่อ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ – ค่าปรับจราจร”
  • กรอกเลขที่ใบสั่ง และเลขบัตรประชาชน
  • ตรวจสอบยอดเงิน และกดยืนยันการชำระ

3. จ่ายค่าปรับจราจรออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “KHUB DEE”

จ่ายค่าปรับจราจรผ่านแอพ “KHUB DEE” จะสามารถเช็กใบสั่ง และแต้มในใบขับขี่ได้แบบเรียลไทม์

  • ดาวน์โหลด และเปิดแอป “KHUB DEE”
  • ลงทะเบียนด้วยเลขบัตรประชาชน
  • เลือกเมนู “ตรวจสอบใบสั่ง” และเลือกใบสั่งที่ต้องการชำระ
  • สามารถเลือกชำระผ่าน QR Code หรือช่องทางในแอปฯ ได้ทันที

4. ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ

สามารถนำใบสั่งไปชำระที่ไปรษณีย์ทุกสาขาได้ทั่วประเทศ และทางไปรษณีย์จะแจ้งค่าธรรมเนียมเพิ่ม (ประมาณ 81 บาทต่อรายการ)

5. ตู้บุญเติม

  • เลือกเมนู “จ่ายบิลและค่าสินค้า” ที่ตู้บุญเติมทั่วประเทศ
  • เลือก “ชำระค่าปรับ” (ต้องมีแถบบาร์โค้ดหรือเลขที่ใบสั่ง)
  • ใส่ข้อมูลตามที่ตู้ร้องขอ และดำเนินการตามขั้นตอนบนหน้าจอ
  • ระบบจะออกสลิปเป็นหลักฐานการชำระ

6. แพลตฟอร์ม CenPay

CenPay คือ บริการรับชำระบิล และเติมเงินในเครือเซ็นทรัล สามารถชำระได้ที่จุดบริการ เช่น Family Mart, Tops, Central, Robinson, B2S, ไทวัสดุ, Power Buy ฯลฯ โดยแจ้งความประสงค์กับพนักงาน และนำใบสั่งพร้อมค่าปรับไปชำระ

 

ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อจ่ายค่าปรับจราจร 

กรอกเลขใบสั่งแล้วขึ้น “ไม่พบข้อมูล”

วิธีแก้:

  • ตรวจสอบเลขใบสั่งให้ถูกต้อง (13 หลัก ไม่มีช่องว่าง)
  • รอ 24-48 ชม. หลังได้รับใบสั่ง (ระบบอาจยังไม่อัปเดต)
  • เช็กผ่าน ptm.police.go.th ก่อน
  • ถ่ายรูปใบสั่งไว้เป็นหลักฐาน

จ่ายแล้วแต่ระบบยังแสดงค้างชำระ

วิธีแก้:

  • รอ 1-3 วันทำการ (ระบบอัปเดตข้อมูล)
  • เก็บหลักฐานการชำระไว้ (Screenshot หรือใบเสร็จ)
  • ติดต่อสถานีตำรวจด้วยหลักฐาน
  • โทร 1197 สอบถามสถานะการชำระ

ไม่มี QR Code บนใบสั่ง

วิธีแก้:

  • ใช้วิธีกรอกเลขใบสั่งแทน
  • ไปจ่ายที่ไปรษณีย์หรือ CenPay
  • ดาวน์โหลดใบสั่งจาก ptm.police.go.th (อาจมี QR) 

ใบสั่งชำรุด/สูญหาย อ่านเลขไม่ออก

วิธีแก้:

  • เช็กใบสั่งผ่าน ptm.police.go.th ด้วยเลขทะเบียนรถ
  • ใช้บัตรประชาชน + ทะเบียนรถค้นหา
  • ติดต่อสถานีตำรวจที่ออกใบสั่ง

 

ถ้าไม่จ่ายค่าปรับจราจร มีโทษอะไรบ้าง

ถ้าไม่จ่ายค่าปรับจราจร มีโทษอะไรบ้าง?

ใครที่มีเจตนาเลี่ยงหรือไม่จ่ายค่าปรับจราจรต้องระวังไว้ เพราะการไม่จ่ายค่าปรับจราจรภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด จะนำไปสู่โทษ และผลกระทบหลายด้าน ไม่เพียงแต่ถูกปรับเงิน และเสียคะแนนใบขับขี่ ยังถูกอายัดการต่อภาษี ป้ายทะเบียน และอาจถูกออกหมายจับได้ในที่สุด ดังนั้น จึงควรรีบชำระค่าปรับให้เรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย และสิทธิ์ในการใช้รถยนต์ของตนเอง

ไม่จ่ายค่าปรับจราจร ต่อภาษีรถยนต์ได้มั้ย?

กรณียังไม่ได้จ่ายค่าปรับจราจร สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ตามปกติ และได้รับป้ายภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) เช่นเดียวกับผู้ไม่มีค่าปรับค้างชำระ เนื่องจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในปี 2567–2569 ให้กรมการขนส่งทางบกต้องดำเนินการต่อภาษีทุกกรณี แม้จะยังไม่ได้ชำระค่าปรับจราจร โดยยกเลิกมาตรการออกป้ายภาษีชั่วคราวหรือระงับป้ายภาษีหากค้างค่าปรับ

ไม่จ่ายค่าปรับจราจร มีโอกาสโดนพักใช้ใบขับขี่มั้ย?

กรณีไม่จ่ายค่าปรับจราจรมีโอกาสถูก “พักใช้ใบขับขี่” ได้จริง เพราะการค้างชำระค่าปรับจราจรจะถูกตัดคะแนนใบขับขี่ ซึ่งหากคะแนนหมดตามระบบตัดแต้ม (ครบ 12 คะแนนใน 1 ปี) จะถูกพักใช้ใบขับขี่ชั่วคราว 90 วัน และต้องอบรมกับกรมการขนส่งทางบกก่อนคืนสิทธิ์ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เสี่ยงถูกพักใช้ใบขับขี่ ควรรีบชำระค่าปรับทุกครั้ง

ระบบตัดคะแนน:

  • 12 คะแนนใน 1 ปี = พักใช้ 90 วัน
  • 6-11 คะแนน = เตือน
  • 0-5 คะแนน = ปลอดภัย

เช็กคะแนนได้ที่: แอป KHUB DEE

 

การจ่ายค่าปรับจราจรในปี 2569 ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือซับซ้อนอีกต่อไป เพราะมีทางเลือกหลากหลายให้เลือกใช้ได้ตามความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ แอปพลิเคชันมือถือ เคาน์เตอร์บริการ หรือที่ทำการไปรษณีย์ ช่วยให้ทุกคนมั่นใจว่า สามารถชำระค่าปรับได้ตรงเวลา มีหลักฐานยืนยันปลอดภัย และไม่ต้องเสี่ยงถูกตัดแต้มใบขับขี่หรือเจอปัญหาทางกฎหมาย 

ส่วนใครที่กำลังมองหารายได้เสริมจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็สามารถสมัคร GrabBike หรือกำลังมองหาอาชีพเสริมก็สามารถสมัคร GrabCarได้เลย และยังสามารถอ่านรีวิวรายได้คนขับแกร็บจากผู้ขับตัวจริงได้อีกด้วย

 

คำถามที่พบบ่อย 

Q: จะรู้ว่าเราโดนใบสั่งจราจรไหม หากป้ายทะเบียนรถไม่ตรงกับชื่อเจ้าของรถ? 

A: ระบบ e‑Ticket สามารถเชื่อมกับทะเบียนรถได้โดยตรง ถ้าใบสั่งระบุทะเบียนรถ แม้ไม่ตรงชื่อคนขับ Grab คุณยังสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ ptm.police.go.th ด้วยเลขทะเบียนรถ

 

Q: คนขับ Grab ต้องลงทะเบียนใช้งาน e‑Ticket ไหม หรือแค่จ่ายผ่านแอปธนาคารก็พอ? 

A: ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน e‑Ticket หากคุณมีข้อมูล “หมายเลขใบสั่ง + บัตรประชาชน” ก็จ่ายค่าปรับผ่านแอปธนาคารได้เลย แต่หากต้องการเช็กประวัติใบสั่งย้อนหลัง หรือถูกเรียกเตือนบ่อยครั้ง แนะนำลงทะเบียนในเว็บไซต์เพื่อติดตามสะดวกขึ้น

 

Q: ขับ Grab แล้วไม่รู้ตัวว่ามีใบสั่ง สามารถจ่ายด่วนผ่าน QR code บนใบสั่งได้ทันทีหรือไม่? 

A: เมื่อได้รับใบสั่งพร้อม QR Code สามารถสแกนผ่าน GrabPay Wallet, Krungthai NEXT หรือแอปธนาคารอื่นๆ ได้ทันที ระบบจะโอนเงินให้อัตโนมัติกับ “Royal Thai Police – Traffic fines”

 

Q: การถูกตัดคะแนนใบขับขี่จะกระทบต่อการรับงานแกร็บหรือไม่?

 A: ยังไม่กระทบโดยตรง ในปัจจุบัน Grab ยังไม่มีนโยบายตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ผู้ขับเป็นประจำ แต่หาก คะแนนหมดและใบขับขี่ถูกพักใช้ จะไม่สามารถรับงานแกร็บได้ เพราะถือว่าไม่มีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้อง ซึ่งขัดต่อข้อกำหนดของแกร็บและกฎหมาย นอกจากนี้หากถูกจับขับรถโดยใบขับขี่ถูกพักใช้จะมีความผิดทางอาญา ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และอาจติดคุก ดังนั้นควรเช็กคะแนนใบขับขี่เป็นประจำผ่านแอป KHUB DEE หากใกล้หมด (เหลือ 3-5 คะแนน) ควรขับระมัดระวังพิเศษและหลีกเลี่ยงการฝ่าฝืนจราจร

 

Q: คนขับ Grab ที่ใช้รถเช่า หากรถโดนใบสั่งจราจรติดรถ ใครเป็นคนต้องจ่าย? 

A: คนขับเป็นผู้จ่าย เพราะเป็นผู้ใช้รถขณะเกิดเหตุ แม้รถจะเป็นของคนอื่นก็ตาม ตามกฎหมาย “ผู้ขับขี่เป็นผู้กระทำผิด” ไม่ใช่เจ้าของรถ แต่หากเจ้าของรถพบใบสั่งติดรถและชำระไปก่อน คนขับควรคืนเงินให้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แนะนำ 

  1. ตรวจรถทุกครั้งก่อนคืน มองหากระจกและบังโคลนว่ามีใบสั่งหรือไม่ 
  2. ถ่ายรูปรถก่อนรับ-หลังคืนเป็นหลักฐาน 
  3. ตกลงกับเจ้าของรถล่วงหน้าว่าหากมีใบสั่งจะจัดการอย่างไร 
  4. เช็กใบสั่งผ่าน https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ ด้วยทะเบียนรถเป็นประจำ

 

แหล่งอ้างอิง:

วิธีจ่ายค่าปรับจราจรออนไลน์ จากสถานีตำรวจภูธรศรีนครินทร์

ข่าวบิดเบือน ไม่จ่ายค่าปรับใบสั่งจราจร ต่อภาษีรถไม่ได้ จากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร