ในปี 2568 กฎจราจรมอเตอร์ไซค์มีการปรับปรุงใหม่ โดยบทความนี้ จะสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายการขับขี่รถจักรยานยนต์ ฉบับอัปเดตล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง อัตราค่าปรับ วิธีจ่ายค่าปรับ และผลกระทบหากละเลยใบสั่ง เพื่อให้ไรเดอร์ทุกคนขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
Highlight
- กฎหมายจราจรเบื้องต้นที่คนขี่มอเตอร์ไซค์ควรรู้ มีอะไรบ้าง?
- กฎหมายจราจรใหม่ 2568 มีอัตราค่าปรับและบทลงโทษอะไรบ้าง?
- กฎหมายใบขับขี่ล่าสุด 2568 มีอะไรบ้าง?
- เกณฑ์การตัดแต้มใบขับขี่ 2568 เป็นอย่างไร?
- โดนใบสั่ง จ่ายค่าปรับจราจรมอเตอร์ไซค์ที่ไหน?
- ไม่จ่ายค่าปรับจราจร มีโทษอะไรบ้าง?
- ปรับพฤติกรรมการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยและไม่เสี่ยงถูกปรับ?

กฎหมายจราจรเบื้องต้นที่คนขี่มอเตอร์ไซค์ควรรู้ มีอะไรบ้าง?
- สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง : ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารต้องสวมหมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานตลอดเวลาขณะขับขี่ หากไม่สวมหมวกมีโทษปรับตามกฎหมาย
- จำกัดจำนวนคนซ้อนและของบรรทุก: นั่งซ้อนท้ายได้ไม่เกิน 1 คนเท่านั้น และห้ามบรรทุกสิ่งของเกิน 50 กิโลกรัม
- ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด: ต้องปฏิบัติตามป้ายหรือเครื่องหมายจราจรที่อาจกำหนดอัตราความเร็วเฉพาะ เช่น การขับขี่รถจักรยานยนต์ในเขตเมืองขับขี่ด้วยความเร็วที่กำหนด ได้แก่ เขตกรุงเทพฯ เมืองพัทยา เขตเทศบาล ไม่เกิน 80 กม./ชม.
- ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องและไม่หมดอายุ: ตามกฎจราจรมอเตอร์ไซค์ หากขับขี่ โดยไม่มีใบขับขี่มีโทษปรับ
- ขับขี่รถจักรยานยนต์ในเลนซ้าย และไม่ล้ำกึ่งกลางถนน: ขับขี่ในเลนซ้ายสุดของทางเดินรถ ยกเว้นในกรณีที่มีสิ่งกีดขวาง ทางวันเวย์ หรือช่องทางที่กว้างไม่ถึง 6 เมตร
- ปฏิบัติตามสัญญาณไฟและเครื่องหมายจราจร: ห้ามฝ่าไฟแดง/ไฟเหลือง และต้องหยุดหลังเส้นให้รถหยุด
- ก่อนเปลี่ยนช่องทาง เลี้ยว หยุด หรือจอด ต้องให้สัญญาณมือหรือเปิดไฟเลี้ยว: ครบถ้วนเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร
- ห้ามขี่ย้อนศร เด็ดขาด: การขี่สวนทางหรือย้อนศรเป็นความผิด และอันตรายต่อชีวิต
- ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริมแบบแฮนด์ฟรี: การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยถือเป็นความผิด และเสี่ยงอุบัติเหตุ
- ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ก่อนหรือระหว่างขับขี่: หากเมาแล้วขับ ผิดกฎหมาย มีโทษทั้งปรับ และจำคุก
- ห้ามจอดรถในที่ห้ามจอดหรือกีดขวางการจราจร: มีโทษปรับ และอาจโดนลากรถ

กฎหมายจราจรใหม่ 2568 มีอัตราค่าปรับและบทลงโทษอะไรบ้าง?
กฎหมายจราจรปี 2568 มีการปรับปรุง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน และลดอุบัติเหตุที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง โดยมีการเพิ่มอัตราค่าปรับ และบทลงโทษในหลายข้อหาที่ฝ่าฝืนกฎจราจร
| ประเภทความผิด | อัตราค่าปรับ/บทลงโทษ (2568) |
| ขับเร็วเกินกำหนด/ ฝ่าไฟแดง / ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย |
ปรับไม่เกิน 4,000 บาท |
| ขับย้อนศร | ปรับไม่เกิน 2,000 บาท |
| จอดในที่ห้ามจอด | ปรับไม่เกิน 2,000 บาท |
| เมาแล้วขับ (ครั้งแรก) | จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
| ใบขับขี่หมดอายุ / ถูกยึด / ถูกพัก | ปรับไม่เกิน 2,000 บาท |
| ขับรถเหยียบน้ำกระเด็นใส่คน | ปรับสูงสุด 10,000บาท จำคุกสูงสุด 3เดือน |
กฎหมายใบขับขี่ล่าสุด 2568 มีอะไรบ้าง?
- ขับขี่โดยใบขับขี่หมดอายุ/ถูกพัก/ถูกเพิกถอน โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ไม่พกหรือไม่แสดงใบขับขี่ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
เกณฑ์การตัดแต้มใบขับขี่ 2568 เป็นอย่างไร?
ในปี 2568 ระบบตัดคะแนนความประพฤติผู้ขับขี่ (ตัดแต้มใบขับขี่) ถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อยกระดับความปลอดภัยทางถนน และสร้างวินัยจราจร มาดูเกณฑ์การตัดแต้มใบขับขี่กันเลย
| จำนวนแต้มที่ถูกตัด | ความผิด |
| ตัด 1 คะแนน |
|
| ตัด 2 คะแนน |
|
| ตัด 3 คะแนน |
|
| ตัด 4 คะแนน |
|

โดนใบสั่ง จ่ายค่าปรับจราจรมอเตอร์ไซค์ที่ไหน?
ถ้าหากทำผิดกฎจราจรมอเตอร์ไซค์ และได้รับใบสั่ง จะชำระที่ไหนได้บ้าง? สามารถเลือกชำระค่าปรับได้สะดวกหลายช่องทาง ดังนี้
- ชำระที่สถานีตำรวจ: นำใบสั่งไปชำระที่เคาน์เตอร์รับชำระค่าปรับ สถานีตำรวจทั่วประเทศที่ออกใบสั่งนั้น
- ชำระผ่านธนาคาร: ธนาคารกรุงไทย (ทุกสาขา) หรือชำระผ่านตู้ ATM หรือแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT เลือกเมนู “จ่ายค่าปรับจราจร”
- ชำระที่ไปรษณีย์ไทย: สามารถนำใบสั่งไปชำระค่าปรับที่ไปรษณีย์ไทยทุกสาขา
- ชำระผ่านร้านสะดวกซื้อ: ชำระที่เซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven)/Counter Service โดยแจ้งบาร์โค้ดใบสั่งที่จุดชำระเงิน
- ชำระออนไลน์: ผ่านเว็บไซต์ e-Ticket PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ไม่จ่ายค่าปรับจราจร มีโทษอะไรบ้าง?
การไม่ชำระค่าปรับจราจรตามที่ได้รับใบสั่ง นอกจากเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายการขับขี่รถจักรยานยนต์ และรถยนต์โดยตรง ยังนำมาซึ่งโทษ และผลกระทบหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ต้องจ่ายค่าปรับภายใน 30 วันตามใบสั่ง: หากเกินกำหนด จะได้รับ “ใบเตือน” ส่งถึงบ้าน และต้องชำระค่าปรับภายใน 15 วันหลังได้รับใบเตือน
- ได้รับหมายเรียกและโดนค่าปรับเพิ่ม: ไม่ชำระตาม “ใบเตือน” จะถูกออก “หมายเรียก” ให้มาพบเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หากเพิกเฉยต่อ “หมายเรียก” ถึง 2 ครั้ง จะถูกขอ “หมายจับ” พร้อมค่าปรับเพิ่ม 1,000 บาท ตามกฎหมาย
- ใบขับขี่ถูกอายัด และตัดแต้ม: ถูกตัดคะแนนใบขับขี่ 1-3 คะแนนต่อใบสั่งที่ไม่ชำระค่าปรับ และหากแต้มหมดจะถูกพักใช้ใบขับขี่อย่างต่ำ 90 วัน
- โทษปรับสูงสุด: หากถูกหมายจับแล้วไม่ไปชำระค่าปรับ จะมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามมาตรา 141 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท/ครั้ง

ปรับพฤติกรรมการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยและไม่เสี่ยงถูกปรับ?
การขับขี่อย่างมีสติ และระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎหมายการขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่เพียงแต่ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ยังช่วยให้คุณไม่เสี่ยงต่อการถูกตำรวจจราจรเรียกตรวจหรือถูกปรับค่าปรับจราจรอีกด้วย มาดูคำแนะนำเพื่อปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย
-
สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง
สวมหมวกกันน็อคทั้งผู้ขับ และผู้ซ้อนท้ายทุกครั้งเมื่อขี่รถจักรยานยนต์ โดยจะต้องรัดสายรัดคางทุกครั้ง เพราะการไม่สวมหมวกกันน็อค นอกจากเสี่ยงอันตรายจากการบาดเจ็บ ยังผิดกฎหมายจราจร และมีโทษปรับอีกด้วย
-
ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ปฏิบัติตามกฎจราจรมอเตอร์ไซค์ เคารพสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร และข้อกำหนดต่าง ๆ บนถนน เช่น ห้ามฝ่าไฟแดง ห้ามขับขี่นอกเส้นทางที่กำหนด เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ และการโดนค่าปรับ
-
หลีกเลี่ยงการขับรถย้อนศร
ห้ามขับขี่สวนเลนกับทิศทางจราจร แม้ในช่วงเวลาที่ถนนว่าง เพราะเป็นอันตรายอย่างสูงทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น เพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และแน่นอนว่า การขับย้อนศรถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับ
-
ขับในเลนที่ถูกต้อง
ใช้เลนขวาเฉพาะเมื่อแซงเท่านั้น จากนั้น ให้กลับเข้าสู่เลนซ้ายทันที และรักษาตำแหน่งรถในเลนของตนตลอดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการขวางทางจราจร รวมถึงป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
-
ให้สัญญาณทุกครั้ง
เปิดไฟเลี้ยวหรือใช้สัญญาณมือเมื่อเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวรถ เพื่อให้ผู้ร่วมทางรับรู้ และช่วยลดการเข้าใจผิดจนเกิดอุบัติเหตุ
-
ควบคุมความเร็ว
ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม ไม่เกินที่กฎหมายกำหนดแต่ละเขต และที่สำคัญ ปรับลดความเร็วเมื่อเข้าโค้ง เขตโรงเรียน ทางร่วมทางแยก หรือเมื่อสภาพถนนไม่ดี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
-
เลิกดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับ
หลีกเลี่ยงการขับขี่หลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเอง และผู้ใช้รถ ใช้ถนนร่วมกันแล้ว หากปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดถือว่า ผิดกฎจราจรมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ มีโทษทั้งจำคุก และค่าปรับ
-
หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ขณะขับ
งดใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ เพราะทำให้เสียสมาธิ และชะลอปฏิกิริยาตอบสนอง หากจำเป็นที่จะต้องใช้โทรศัพท์ ควรจอดรถในที่ปลอดภัยก่อนใช้งาน
-
ไม่จอดในที่ห้ามจอด
หลีกเลี่ยงการจอดรถในจุดที่มีป้ายห้ามจอดหรือกีดขวางการจราจร เพราะเสี่ยงทั้งโดนค่าปรับ และยังทำให้จราจรติดขัด สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
การขับขี่มอเตอร์ไซค์อย่างปลอดภัย และปฏิบัติตามกฎจราจรมอเตอร์ไซค์เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหมวกนิรภัย ขับขี่อย่างมีวินัย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ไปจนถึงการรู้จักขั้นตอน และบทลงโทษตามกฎหมาย ทั้งระบบตัดแต้มใบขับขี่ และการชำระค่าปรับ โดยทุกข้อควรรู้เหล่านี้ล้วนช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ หากขับขี่อย่างรับผิดชอบ คุณจะทั้งอุ่นใจและไม่ต้องกังวลกับปัญหาตามมาจากการฝ่าฝืนกฎจราจรในอนาคต สำหรับนักขับขี่คนไหนที่กำลังมองหาโอกาสเพิ่มรายได้ อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดมือไป รีบสมัครร่วมเป็นพาร์ทเนอร์คนขับ GrabBike หรือ GrabCar พร้อมอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย
FAQ
Q: มอเตอร์ไซค์ต้องตรวจสภาพรถประจำปีหรือไม่?
A: มอเตอร์ไซค์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ต้องผ่านการตรวจสภาพรถประจำปี เพื่อให้แน่ใจว่ารถมีสภาพพร้อมใช้งาน และปลอดภัยตามมาตรฐาน
Q: มอเตอร์ไซค์สามารถวิ่งในช่องทางไหนได้บ้าง?
A: มอเตอร์ไซค์ต้องวิ่งในช่องทางซ้ายสุดของถนนเป็นหลัก และสามารถใช้ช่องทางมอเตอร์ไซค์เฉพาะที่มีการกำหนดไว้ ห้ามวิ่งขนานรถยนต์หรือแซงในที่คับแคบ
Q: ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภท?
A: ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มี 2 ประเภท คือ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลซึ่งมีอายุการใช้งาน 5 ปี และใบขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะ สำหรับขับขี่รถรับจ้าง มีอายุการใช้งาน 3 ปี
Q: ขีดจำกัดความเร็วสำหรับมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างไร?
A: มอเตอร์ไซค์ต้องปฏิบัติตามขีดจำกัดความเร็วเช่นเดียวกับรถยนต์ ในเขตเมืองไม่เกิน 80 กม./ชม. และบนทางหลวงไม่เกิน 90 กม./ชม. ยกเว้นมีป้ายกำหนดอื่น ๆ
Q: กฎหมายรถจักรยานยนต์แต่ง มีอะไรบ้าง
A: การปรับแต่งรถจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมาย ได้แก่ การเปลี่ยนหรือดัดแปลงเครื่องยนต์ และตัวถังโดยไม่แจ้งขนส่ง การใส่ท่อไอเสียเสียงดังเกิน 95 เดซิเบล การติดไฟหน้า ไฟท้าย หรือไฟอื่นที่ผิดสเปกหรือสี และรบกวนผู้อื่น การใช้ล้อ และยางที่ขนาดผิดมาตรฐานหรือยื่นออกนอกตัวรถ รวมถึงการแต่งป้ายทะเบียนให้บดบังหรือมองเห็นไม่ชัด
แหล่งอ้างอิง: