ทุกวันนี้ “แอปเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง” อย่าง Grab ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่การเดินทางต้องใช้ความรวดเร็ว และคล่องตัว ซึ่งหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อบริการวินมอเตอร์ไซค์อย่าง GrabBike (Win) แล้ว แต่ก็อาจเคยเห็นตัวเลือกอย่าง “GrabBike Saver” โผล่มาในแอป วันนี้จะมาไขข้อสงสัยว่า GrabBike Saver คืออะไร GrabBike Saver กับ Grab Win ต่างกันยังไง
Highlight
- GrabBike Saver คืออะไร?
- GrabBike Win คืออะไร?
- เปรียบเทียบ GrabBike Saver VS GrabBike (Win) ต่างกันอย่างไร?
- ตารางเปรียบเทียบ GrabBike Saver VS GrabBike (Win) ต่างกันอย่างไร?
- ข้อดีข้อเสียของแต่ละบริการ คืออะไร ใช้เมื่อไหร่ให้คุ้มที่สุด?
- พื้นที่ให้บริการ GrabBike Saver มีอะไรบ้าง ใช้งานอย่างไร?
- เคล็ดลับใช้ Grabbike Saver อย่างไรให้ประหยัดค่าเดินทาง?

GrabBike Saver คืออะไร?
GraBike Saver คือ บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างแบบประหยัดบนแอปพลิเคชัน Grab ที่เน้นราคาถูก คุ้มค่า และความรวดเร็ว โดยราคาค่าโดยสารจะเริ่มต้นเพียง 19 บาท ในระยะทางที่กำหนด เหมาะแก่การเดินทางระยะทางสั้น ๆ
GrabBike Win คืออะไร?
GrabBike Win คือ บริการเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน Grab โดยใช้ “วินมอเตอร์ไซค์” ที่จดทะเบียนถูกต้อง ผ่านการอบรม และตรวจประวัติอาชญากรรม ตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก
เปรียบเทียบ GrabBike Saver VS GrabBike (Win) ต่างกันอย่างไร?
แล้ว GrabBike Saver กับ GrabWin ต่างกันยังไง? GrabBike Saver และ Grab Bike (Win) เป็นบริการรถจักรยานยนต์รับจ้างบนแอป Grab ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในบริบทที่แตกต่างกันทางด้านราคา และรูปแบบการให้บริการ มาดูการเปรียบเทียบในแต่ละด้านไปพร้อมกันเลย
ราคาและระยะทาง ต่างกันอย่างไร
- GrabBike Saver เน้นราคาถูก เหมาะสำหรับผู้เดินทางระยะสั้นถึงกลาง
- GrabBike (Win) ราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่สามารถเดินทางในระยะที่ไกลกว่า โดยค่าโดยสารจะคำนวณตามระยะทางที่ให้บริการ
พื้นที่ให้บริการ ต่างกันอย่างไร
- GrabBike Saver ให้บริการเฉพาะบางเขตในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต ฯลฯ ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของจังหวัด ต้องเช็กจุดรับ-ส่งในแอปก่อนใช้
- GrabBike (Win) ให้บริการครอบคลุมกว่าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และบางจังหวัดใหญ่
เวลาและการรับประกัน ต่างกันอย่างไร
- GrabBike (Win) รับประกันมาตรฐานความปลอดภัย และมีประกันอุบัติเหตุให้ทั้งคนขับ และผู้โดยสาร อีกทั้ง ยังมีหมวกกันน็อกเตรียมไว้ให้
การใช้งาน ต่างกันอย่างไร
- GrabBike Saver
- เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการราคาเป็นมิตร
- คนขับมีอิสระกดรับ-ปิดงานเอง เหมาะกับผู้ขับที่ต้องการเพิ่มรอบ
- เหมาะกับการเดินทางระยะทางใกล้ ๆ
- GrabBike (Win)
- คนขับเป็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จดทะเบียนถูกต้อง ผ่านการอบรม และการตรวจประวัติ
- สามารถเรียกใช้บริการได้จากทุกที่ โดยไม่ต้องเดินไปวินมอเตอร์ไซค์
- เหมาะกับการเดินทางในระยะไกล
ตารางเปรียบเทียบ GrabBike Saver VS GrabBike (Win) ต่างกันอย่างไร?
| หัวข้อ | GrabBike Saver | GrabBike (Win) |
| ราคาและระยะทาง |
|
|
| พื้นที่ให้บริการ |
|
|
| การใช้งาน | • ราคาเป็นมิตร • คนขับมีอิสระรับงานเอง • เหมาะกับการเดินทางใกล้ ๆ |
• เรียกได้ทุกที่ ไม่ต้องเดินไปวิน • เหมาะกับเดินทางไกล |
ข้อดีข้อเสียของแต่ละบริการ คืออะไร ใช้เมื่อไหร่ให้คุ้มที่สุด?
GrabBike Saver คือ ทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประหยัดค่าเดินทาง และต้องการเดินทางในระยะใกล้ ๆ เหมาะสำหรับการเดินทางเข้า-ออกซอยหรือเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม GrabBike Saver มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ให้บริการ ซึ่งครอบคลุมเพียงบางพื้นที่เท่านั้น และอาจไม่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล
ส่วน GrabBike (Win) คือ บริการที่ผู้ขับขี่ต้องเป็นวินมอเตอร์ไซค์ที่ผ่านการจดทะเบียน มีประกันอุบัติเหตุ และราคาค่าบริการสามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ GrabBike (Win) อาจมีอัตราค่าบริการสูงกว่า GrabBike Saver เล็กน้อย และบางช่วงเวลา
| หัวข้อ | GrabBike Saver | GrabBike (Win) |
| จุดเด่น |
|
|
| เหมาะใช้เมื่อ |
|
|
พื้นที่ให้บริการ GrabBike Saver มีอะไรบ้าง ใช้งานอย่างไร?
ในปี 2025 GrabBike Saver ให้บริการครอบคลุมหลายจังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดที่เป็นเมืองใหญ่หรือจังหวัดท่องเที่ยว โดยให้บริการเฉพาะในบางเขต และรัศมีที่กำหนด สามารถตรวจสอบรายละเอียดแต่ละจังหวัดได้ในแอป Grab
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล: นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร
- เมืองใหญ่/จังหวัดท่องเที่ยว: เชียงใหม่, ชลบุรี พัทยา, ภูเก็ต, ฉะเชิงเทรา, ตราด, พังงา, แพร่, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, ยะลา, กาฬสินธุ์, กำแพงเพชร, นครพนม, นางรอง, บึงกาฬ, ปัตตานี, สมุทรสงคราม, สระแก้ว, สิงห์บุรี, สุโขทัย, อุทัยธานี รวมถึงจังหวัดและอำเภออื่นๆ เช่น กาญจนบุรี, ขอนแก่น, จันทบุรี, ชัยนาท, ชัยภูมิ, ชุมพร, เชียงราย, ตรัง, ตาก, นครนายก, นครปฐม, นครราชสีมา, นครศรีธรรมราช, นครสวรรค์, นราธิวาส, น่าน, บุรีรัมย์, ปราจีนบุรี เป็นต้น
- ระยะทางที่ให้บริการ: ส่วนใหญ่ครอบคลุมพิกัด “รับ-ส่ง” ที่อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด และให้บริการได้สำหรับระยะใกล้ถึงไม่เกิน 15 กม. ต่อการเดินทางแต่ละเที่ยว (อาจมีปรับเปลี่ยนตามแต่ละจังหวัด)
GrabBike Saver ใช้งานอย่างไร? การใช้บริการ GrabBike Saver ทั้งง่าย และสะดวก สามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้
- ดาวน์โหลดและเข้าสู่ระบบแอป Grab: ลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบด้วยเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล
- เลือกเมนู “เดินทาง” (Ride): หน้าแรกของแอปเลือกเมนู“เดินทาง”
- ระบุจุดรับและจุดหมายปลายทาง: ระบุสถานที่ที่ต้องการให้ผู้ขับมารับ และจุดที่จะไปส่ง โดยระบบจะแสดงราคาที่ประหยัดที่สุด หากอยู่ในพื้นที่ให้บริการ
- เลือกประเภทบริการเป็น “GrabBike Saver”: หากจุดรับ และส่งอยู่ในพื้นที่ให้บริการ จะมี “GrabBike Saver” ให้เลือกพร้อมราคาที่แสดงทันที
- ยืนยันการเดินทาง และเลือกวิธีชำระเงิน: ตรวจสอบข้อมูล เลือกวิธีชำระเงิน (เงินสด/บัตร/วอลเล็ต)
- รอผู้ขับรับงาน และไปถึงจุดรับ: โดยส่วนใหญ่ในเมืองใหญ่ รถจะมารับภายใน 3 นาที กรณีรอนานกว่ากำหนดยังมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดเพิ่มเติม
เคล็ดลับใช้ Grabbike Saver อย่างไรให้ประหยัดค่าเดินทาง?
เคล็ดลับช่วยประหยัดค่าเดินทางจากการใช้ GrabBike Saver คืออะไร ดังนี้
-
ใช้ประโยชน์จากการรับประกันราคา
- เทคนิคความคุ้มค่า คือ ควรตรวจสอบราคา และข้อตกลงในแอป Grab ก่อนกดเรียก เพื่อให้แน่ใจว่า ได้รับราคาที่คุ้มค่าที่สุด รวมถึงใช้โปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าปกติ
-
เวลาที่เหมาะสม
- ช่วงเวลาที่มีคนใช้บริการรถจักรยานยนต์น้อย เช่น หลังเวลาทำงานช่วงเย็นหรือช่วงที่ไม่ได้เร่งด่วน จะช่วยลดราคาค่าเดินทางได้
- หลีกเลี่ยงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่นมาก เช่น เข้าเช้าหรือเย็นช่วงรถติด เพราะอาจทำให้ราคาสูงขึ้นตามเวลาการเดินทางที่นานขึ้น
-
การวางแผนเส้นทาง
- วางแผนเส้นทางล่วงหน้า โดยเลือกจุดรับ และส่งที่ชัดเจน และสะดวกต่อการขึ้นลงรถที่สุด เช่น จุดรับใกล้ทางเข้าซอยใหญ่หรือจุดส่งที่ง่ายต่อการเดินทางต่อ
- ใช้เส้นทางที่หลีกเลี่ยงถนนที่มีการจราจรติดขัด เพื่อลดเวลารอ และค่าโดยสารที่อาจสูงขึ้นจากระยะเวลาการเดินทาง
เพียงเข้าใจความแตกต่าง และข้อดีของบริการทั้ง GrabBike Saver หรือ GrabBike (Win) คุณก็จะสามารถเลือกใช้บริการที่ตอบโจทย์ได้อย่างคุ้มค่า สบายใจในทุกครั้งที่เดินทางกับ Grab แล้ว จะเดินทางไปที่ไหนให้แกร็บบริการคุณ
FAQ
Q: GrabBike ปลอดภัยแค่ไหน มีมาตรการคุ้มครองอะไรบ้าง?
A: Grab มีระบบติดตาม GPS แบบเรียลไทม์ทำให้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเดินทางได้ตลอดเวลา และมีฟีเจอร์แชร์ทริปให้เพื่อนหรือครอบครัว เพื่อติดตามความปลอดภัย อีกทั้ง คนขับทุกคนผ่านการตรวจสอบประวัติ และต้องมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีระบบประเมิน และรีวิวคนขับเพื่อรักษาคุณภาพการบริการ
Q: จ่ายเงินผ่าน GrabPay ดียังไง?
A: การจ่ายเงินผ่าน GrabPay ให้ความสะดวก และปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องทอนเงิน และสามารถดูประวัติการเดินทางทั้งหมดได้ในแอป นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชัน และส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ใช้ GrabPay อีกด้วย
Q: เจอปัญหาขณะใช้ Grab แจ้งที่ไหน แก้ไขยังไง?
A: หากเจอปัญหาในการใช้บริการ สามารถแจ้งผ่าน “ศูนย์ช่วยเหลือ (Help Centre)” ในแอป Grab
Q: อยากเป็นคนขับ GrabBike ต้องทำยังไง มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
A: อยากเป็นคนขับ GrabBike ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป, มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์, บัตรประชาชน และสมาร์ตโฟนสำหรับติดตั้งแอป Grab Driver สมัครออนไลน์ อัปโหลดเอกสารตามที่กำหนด เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว สามารถเริ่มรับงานได้ทันที สมัครขับแกร็บไบค์ได้ที่นี่
แหล่งอ้างอิง:
GrabBike Saver ถูกที่สุดในแอป จาก Grab
GrabBike Saver ระยะทางใกล้ จบไว เพิ่มรายได้ที่มากขึ้น จาก Grab
GrabBike (Win) บริการรถจักรยานยนต์รับ-ส่งผู้โดยสาร จาก Grab
GrabBike Saver ราคาใหม่ ถูกกว่าชัวร์ จาก Grab
ใหม่! GrabBike Saver ถูกที่สุดในแอป*