GrabExpress – Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง

บริการส่งพัสดุพร้อมเรียกเก็บเงินปลายทาง โดยผู้รับปลายทางจะเป็นผู้ชำระเงินค่าสินค้าให้กับพาร์ทเนอร์คนขับตามยอดที่ระบุไว้ในระบบโดยไม่ต้องชำระเงินล่วงหน้า เป็นอีกหนึ่งช่องทางชำระเงินให้แก่ลูกค้าของคุณซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้า

ทำไมต้องใช้ บริการ GrabExpress - Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง​

กระตุ้นยอดขาย โดยการเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้แก่ลูกค้า

สร้างความมั่นใจในการซื้อให้ลูกค้า ด้วยการให้ลูกค้าชำระเงินเมื่อได้รับสินค้าแล้วเท่านั้น

ขั้นตอนการสมัครใช้บริการ GrabExpress - Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง
  1. เตรียมเอกสาร เพื่อยืนยันตัวตนการใช้งาน
  2. สมัครเพื่อใช้ บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง ผ่านทาง grb.to/ExpressCodForm หรือ คลิก
  3. รอข้อความยืนยันสถานะการสมัครใช้บริการผ่านอีเมลที่ลงทะเบียนไว้
  4. เริ่มจองการจัดส่งด่วนเหมือนปกติ โดยเพิ่มรายการเสริมหรือ Add Ons “Cash on Delivery” 

*ผู้ใช้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางสงวนสิทธิ์สำหรับสมาชิก GrabExpress Sellers Club เท่านั้น หากท่านยังไม่เป็นสมาชิก สามารถสมัครสมาชิก GrabExpress Sellers Club และอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลิก

วิธีใช้บริการ GrabExpress - Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง
Previous
Next
  1. เข้าแอปฯ Grab เลือก Express (ส่งด่วน)
  2. กดเลือก Instant (ส่งทันที) สำหรับประเภทการจัดส่ง
  3. กดเลือก Bike สำหรับยานพาหนะ
  4. ตรง Add-Ons (รายการเสริม) กดเลือก “Cash on delivery” 
  5. ระบุจำนวนค่าสินค้าที่ต้องการเก็บจากผู้รับปลายทางให้ถูกต้อง ไม่เกิน 2,000 บาท
  6. กดเพิ่มรายละเอียดการจัดส่ง เพื่อใส่ข้อมูลผู้ส่ง ผู้รับ
  7. เลือกช่องทางการชำระค่าส่ง แล้วกด จองการจัดส่ง เพื่อยืนยันการเรียกรถ
FAQ คำถามที่พบบ่อย
  1. บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD)  คืออะไร?
    บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD) คือบริการจัดส่งสินค้าด่วนที่ผู้รับปลายทางจะเป็นผู้ชำระค่าสินค้ากับคนขับเมื่อของถึงมือผู้รับ  โดยไม่ต้องมีการชำระเงินกับผู้ส่งล่วงหน้า

  2. พื้นที่ให้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD)  มีที่ไหนบ้าง?
    ปัจจุบันบริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD) เปิดให้สามารถใช้ได้ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น

  3. บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD)  สามารถชำระเงินผ่านช่องทางใดบ้าง?
    ปัจจุบันบริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางของ GrabExpress สามารถชำระค่าสินค้าผ่านเงินสดกับคนขับเท่านั้น

  4. ค่าธรรมเนียมการใช้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ COD fee อยู่ที่เท่าไหร่?GrabExpress ไม่คิดค่าธรรมเนียม หรือ 0% ของมูลค่าพัสดุสำหรับบริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางในระยะแรกของการเปิดใช้งาน

  5. บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD) สามารถเก็บเงินที่ปลายทางได้สูงสุดเท่าไร?
    ผู้ส่งสามารถระบุเรียกเก็บเงินปลายทางได้สูงสุด 2,000 บาทต่อรายการ

  6. บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD) มีระยะเวลาในการโอนเงินถึงผู้ส่งพัสดุนานแค่ไหน?
    บริษัทจะโอนยอดเงินค่าสินค้าที่ทำการจัดส่งสำเร็จคืนกับผู้ส่งภายในระยะเวลา 3-5 วันทำการ โดยจะมีอีเมลจากทางธนาคารแจ้งเพื่อยืนยันว่ามีการโอนคืนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ใช้สำเร็จทุกครั้ง

  7. ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการสมัครใช้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง?
    1. สำเนาหรือรูปถ่ายบัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง
    2. สำเนาหรือรูปถ่ายสมุดบัญชีธนาคาร

  8. ทำไมต้องใช้เอกสารในการสมัครใช้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD)?
    เนื่องจากบริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง (COD) มีการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อชำระค่าพัสดุเก็บเงินปลายทางไปที่บัญชีธนาคารที่ท่านได้ทำการลงทะเบียนไว้ ทางบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องให้ทางผู้ใช้ยืนยันตัวตนและบัญชีธนาคารเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ดังนั้น ทางบริษัทจึงมีความจำเป็นในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และ สำเนาบัญชีธนาคารเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการยืนยันตัวตนของท่านก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน
เงื่อนไขในการใช้บริการ GrabExpress - Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง
  1. การชำระค่าสินค้าจากปลายทาง
    บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางจะต้องมีการชำระค่าสินค้าที่ปลายทางก่อนรับของเท่านั้น หากไม่มีการชำระค่าสินค้าที่ปลายทาง พาร์ทเนอร์คนขับจะไม่สามารถส่งสินค้าให้กับผู้รับได้และจะต้องดำเนินการส่งสินค้าคืนกับท่าน ณ ต้นทางเท่านั้น โดยผู้ส่งจะต้องชำระค่าส่งและค่าตีกลับ 70 บาทหรือจำนวนอื่นซึ่งคำนวนตามระยะทางเพิ่มเติม

  2. ในกรณีที่ผู้รับปฏิเสธการรับสินค้า หรือ พาร์ทเนอร์คนขับไม่สามารถติดต่อผู้รับที่ปลายทางทำให้เกิดการตีกลับของสินค้า
    1. ก่อนเรียกรถผู้ส่งสินค้าจะต้องทำการนัดหมายกับผู้รับสินค้าล่วงหน้าทุกครั้งเพื่อป้องกันการปฏิเสธการรับสินค้า หรือ ให้มั่นใจว่าผู้รับสินค้าสามารถติดต่อได้ มิเช่นนั้น พาร์ทเนอร์คนขับจะต้องนำส่งสินค้าคืนให้แก่ท่าน ณ ต้นทางโดยผู้ส่งจะต้องชำระค่าส่งและค่าตีกลับ 70 บาทหรือจำนวนอื่นซึ่งคำนวนตามระยะทางเพิ่มเติม
    2. หากพบว่าทางปลายทางมีการปฏิเสธการรับของจากผู้ส่งเดียวกัน หรือถูกบันทึกในกรณีอื่น ๆ รวมแล้วมากกว่า 5 ครั้งในระยะเวลา 90 วัน ผู้ส่งจะถูกระงับการใช้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางชั่วคราว หรือแกร็บอาจดำเนินการอื่น ๆ ตามที่แกร็บเห็นสมควร

  3. ผู้ส่งกรอกค่าสินค้าเก็บเงินปลายทางผิด หรือ ไม่ตรงกับค่าสินค้าจริง
    1. พาร์ทเนอร์คนขับจะต้องเก็บค่าสินค้าจากปลายทางตามที่ระบบแจ้งเท่านั้น ผู้ส่งสามารถเลือกที่จะยกเลิกการส่งสินค้าเพื่อให้พาร์ทเนอร์คนขับนำสินค้ากลับมาส่งที่ต้นทาง โดยผู้ส่งจะต้องชำระค่าส่งและค่าตีกลับ 70 บาทหรือจำนวนอื่นซึ่งคำนวนตามระยะทางเพิ่มเติม หรือผู้ส่งสามารถประสานกับปลายทางโดยตรงเพื่อเก็บหรือชดเชยส่วนต่างของยอดในระบบและค่าสินค้าจริง
    2. ผู้ส่งที่กรอกค่าสินค้าผิดจะถูกบันทึกไว้ทุกครั้ง และหากผู้ส่งถูกบันทึกในกรณีอื่นๆ รวมแล้วเกิน 5 ครั้ง ในระยะเวลา 90 วัน ผู้ส่งจะถูกระงับการใช้บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางชั่วคราว หรือแกร็บอาจดำเนินการอื่น ๆ ตามที่แกร็บเห็นสมควร

  4. ผู้ส่งได้รับการทำจ่ายที่ล่าช้ากว่ากำหนด
    โดยปกติบริษัทจะโอนยอดเงินค่าสินค้าที่ดำเนินการจัดส่งสำเร็จและผู้รับได้ชำระค่าสินค้าอย่างถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลา 3-5 วันทำการ โดยจะมีอีเมลจากทางธนาคารแจ้งเพื่อยืนยันว่ามีการโอนคืนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ใช้สำเร็จทุกครั้ง หากการทำจ่ายมีความล่าช้ากว่าที่บริษัทแจ้งซึ่งอาจเกิดจากระบบของธนาคารปลายทาง หากการทำจ่ายมีความล่าช้ากว่า 7 วัน ท่านสามารถติดต่อศูนย์ช่วยเหลือ หรือ GrabSupport และทางบริษัทจะรีบดำเนินทำจ่ายท่านโดยเร็วที่สุด

  5. คนขับเก็บค่าสินค้าเก็บเงินปลายทางจากผู้รับมากกว่าที่ระบบแจ้ง
    พาร์ทเนอร์คนขับจะดำเนินการเก็บค่าสินค้าตามจำนวนเงินที่ระบบแจ้งเท่านั้น หากมีพบเจอว่ามีการเก็บเกิน เราจะทำการตักเตือนพาร์ทเนอร์คนขับและดำเนินการคืนเงินให้กับทางผู้ใช้โดยเร็วที่สุด ถ้าหากท่านพบเจอปัญหาสามารถติดต่อศูนย์ช่วยเหลือ หรือ GrabSupport ได้เสมอ

  6. เงื่อนไขอื่น ๆ 
  • การให้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) จะให้บริการโดย GrabExpress – Bike (ส่งทันที) เท่านั้น
  • การให้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) จะให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น
  • แกร็บอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการใช้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) ซึ่งแกร็บจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า
  • จำนวนเงินสูงสุดต่อการใช้บริการที่แกร็บสามารเรียกเก็บเงินปลายทางสำหรับการใช้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) คือ 2,000 บาท
  • แกร็บจะดำเนินการโอนเงินค่าสินค้าซึ่งชำระปลายทางที่แกร็บได้รับจริงเข้าบัญชีธนาคารที่ผู้ใช้ได้ทำการลงทะเบียนและถูกยืนยันโดยแกร็บ ซึ่งทางแกร็บจะส่งอีเมลเพื่อยืนยันบัญชีผู้ใช้อีกครั้งก่อน
  • แกร็บจะโอนยอดเงินค่าสินค้าที่ทำการจัดส่งสำเร็จคืนกับผู้ส่งภายในระยะเวลา 3-5 วันทำการ โดยจะมีอีเมลจากทางธนาคารแจ้งเพื่อยืนยันว่ามีการโอนคืนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ใช้สำเร็จทุกครั้ง
  • ผู้ใช้บริการยินยอมให้แกร็บมีสิทธิหักเงินจำนวนใด ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องชำระให้แก่แกร็บ เช่น ค่าจัดส่ง ค่าธรรมเนียม จากค่าสินค้าที่แกร็บต้องนำส่งเข้าบัญชีธนาคารให้แก่ผู้ใช้
  • ผู้ส่งสินค้ายอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการใช้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) เช่น การไม่ชำระเงินของผู้รับ (ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน) พันธบัตรปลอม ค่าจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้ส่งในกรณีที่ผู้รับปฏิเสธการรับ
  • เงื่อนไขในการใช้บริการ GrabExpress – Cash on Delivery (COD) บริการเก็บเงินค่าสินค้าปลายทาง เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งาน ซึ่งระบุใน https://www.grab.com/th/terms-policies/
  • คุณตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งาน ซึ่งระบุใน https://www.grab.com/th/terms-policies/ ทั้งหมด
  • คุณตกลงและยินยอมให้แกร็บเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้และประกาศความเป็นส่วนตัวของแกร็บ (https://www.grab.com/th/terms-policies/privacy-notice/) ซึ่งคุณได้อ่าน รับทราบและเข้าใจแล้ว